ข่าว

ฟ้องเอาผิด "กสทช." ควบรวม ทรู-ดีแทค ล่าช้า เสียหาย 1.6 แสนล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คดีประวัติศาสตร์! ครั้งแรกรายย่อยทรูฯ ส่งทนาย"ฟ้องแพ่ง"แบบกลุ่ม (Class action) เอาผิด "กสทช." ควบรวม "ทรู-ดีแทค" ล่าช้า เสียหายยับกว่า 1.6 แสนล้านบาท พร้อมเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 นายเพทาย วัฒนศิริ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ทรูฯ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายให้ยื่นคำร้องต่อ"ศาลแพ่ง" ขออนุญาตดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ "บอร์ด กสทช." จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ,พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,นางพิรงรอง รามสูต ,นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ,นายศุภัช ศุภชลาศัย และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เลขาธิการสำนักงาน กสทช.รวมถึงสำนักงาน กสทช.เป็นจำเลยร่วมกันรวม 7 ราย ในข้อหาละเมิดจงใจปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมาย และขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย 

 

อันเนื่องมาจากการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของทรูกับดีแทค ที่มีมติรับแจ้งการรวมธุรกิจให้เป็นไปตามที่ประกาศ "กสทช."กำหนดนั้น เป็นไปอย่างล่าช้า และไม่มีเหตุผลอันสมควร ซึ่งมีลักษณะจงใจปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้ถือหุ้น บมจ.ทรูฯ ได้รับความเสียหาย หรือละเลยไม่คำนึงถึงประชาชนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่จะได้รับประโยชน์จากการเสนอซื้อหุ้นของบริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd ตามขั้นตอนการควบรวมธุรกิจ ทำให้โจทก์และผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ทรูฯ ได้รับความเสียหาย

นายเพทาย กล่าวว่า การยื่นฟ้องในครั้งนี้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม หรือ Class Action เพื่อขอความคุ้มครองปกป้องผู้เสียหายจำนวนมาก ที่มีความเสียหายที่เหมือนกัน เพื่อให้ผลของคำพิพากษามีผลผูกพันไปถึงผู้เสียหายทุกคนโดยอัตโนมัติ โดยผู้เสียหายไม่ต้องมาแยกกันฟ้องคดีเป็นหลายคดี ทั้งนี้จากข้อมูลวันที่ 14 มี.ค.2565 มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ทรูฯ กว่า 80,000 ราย ซึ่งถือครองหุ้น บมจ.ทรูฯ รวมกันอยู่เป็นจำนวนกว่า 30,000 ล้านหุ้น ดังนั้นความล่าช้าของ "กสทช." ในการมีมติรับทราบการรวมธุรกิจ จึงมีมูลค่าความเสียหายที่ประเมินได้รวมทั้งสิ้นกว่า 160,000 ล้านบาท ดังนั้นผู้ถือหุ้นอีกหลายหมื่นราย ที่มีความเสียหายในลักษณะเช่นเดียวกับโจทก์ และการฟ้องคดีแบบกลุ่ม จะทำให้ผู้ถือหุ้นอีกหลายหมื่นรายได้การคุ้มครองเช่นเดียวกับโจทก์   

 

ส่วนความล่าช้าของ "กสทช." ที่เป็นมูลเหตุในการฟ้องคดีนั้น นายเพทาย กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์ในประกาศเรื่องการรวมธุรกิจ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ใบรับอนุญาตที่ประสงค์จะทำการรวมธุรกิจกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่น ต้องรายงานต่อเลขาธิการ กสทช.ไม่น้อยกว่า 90 วัน ก่อนดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคล ในกรณีที่การเข้าร่วมธุรกิจทำให้เกิดนิติบุคคลขึ้นใหม่ ซึ่งกรณีนี้บริษัททรูและบริษัทดีแทคได้ยื่นรายงานการรวมธุรกิจต่อ เลขาธิการ กสทช.ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.2565 โดย เลขาธิการ กสทช.ได้เสนอรายงานการรวมธุรกิจฯ ต่อ "กสทช."เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2565 พร้อมความเห็นประกอบการรายงานการรวมธุรกิจจากที่ปรึกษาอิสระ 

แต่ปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน "กสทช." ก็ยังไม่มีมติรับทราบการรวมธุรกิจ ของ"ทรู-ดีแทค" และหาก "กสทช."เห็นว่าควรกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ประกาศฯดังกล่าว ก็ได้ให้อำนาจ "กสทช."ไว้ แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่เลขาธิการ กสทช.ได้ยื่นรายงาน พร้อมความเห็นประกอบไปแล้ว ก็ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนใดๆ ซึ่งผู้ถือหุ้นของทรูที่จะได้รับประโยชน์จากการรวมกิจการดังกล่าว เห็นว่า ล่าช้าและไม่มีเหตุอันสมควร โดยที่ผ่านมามีผู้ได้รับใบอนุญาตทำการรวมธุรกิจ และ กสทช.ก็ได้มีมติรับทราบนับตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2564 รวม 9 ราย

 

"เป็นอีกครั้งที่ประชาชนผู้เสียหายรวมกันฟ้องร้องดำเนินคดีกับภาครัฐ เพื่อส่งสัญญาณว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดว่าการฟ้องคดีแบบกลุ่มจะทำได้กรณีระหว่างผู้เสียหายกับบริษัทเท่านั้น แต่หากหน่วยงานรัฐก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ผู้เดือดร้อนเสียหายก็ย่อมสามารถใช้สิทธิฟ้องหน่วยงานรัฐเป็นคดี class action ได้เหมือนกัน ในการนี้หากผู้ถือหุ้นรายอื่นซึ่งถือหุ้นในบริษัททรู หากเห็นว่าตนเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการของ กสทช.ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาร่วมเรียกร้องหรือดำเนินคดีในครั้งนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมเป็นโจทก์ สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร 0960617563 เพื่อที่จะได้ดำเนินการรวบรวมรายชื่อกลุ่มผู้เสียหายเพื่อแจ้งต่อศาลต่อไป" นายเพทาย กล่าว 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ