โป๊ะแตก.! คาอ่าง "วิคตอเรียซีเครท" 2 ปี "อัยการสูงสุด" ไม่เคยสั่งฟ้อง

จากกรณี นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้ตอบข้อซักถามกับสื่อมวลชน ถึงกรณี องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร เรียกร้องให้ชี้แจงเหตุผล การสั่งไม่ฟ้อง นางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ โดยทั้ง 3 เกี่ยวข้องและเป็นเจ้าของสถานบริการอาบอบนวด "วิคตอเรียซีเครท"  โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ภายในสถานบริการอาบอบนวด "วิคตอเรียซีเครท" มีการค้ามนุษย์ 

    

               

 

 

ทั้งนี้ นางวงศ์สกุล ได้ตอบคำถามเพียงสั้น ๆ ว่า "ช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ในระยะเวลา 2 ปี ไม่มีการพิจารณาสั่งคดีนี้ น่าจะเป็น อัยการสูงสุด ท่านอื่น"

 

แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ยืนยันว่า คดี "วิคตอเรียซีเครท" มี 2 คดีหลัก ๆ คือ คือ 1.คดีความผิดในราชอาณาจักร คม.24/2561 ซึ่งมี นายกำพล นางนิภา และนายธนพล ตกเป็นผู้ต้องหา และอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ในข้อหาค้ามนุษย์ ต่อมาแยกเป็นคดีที่ คม.26/2561 เนื่องจากจับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติม จึงแยกสำนวนฟ้อง 

 

ส่วนอีกคดี คม25/2561 เป็นคดีความผิดนอกราชอาณาจักร เนื่องจากมีการจัดส่งเด็กสาว จากสถานบริการ "วิคตอเรียซีเครท" ไปขายบริการในประเทศมาเลเซีย โดยในเส้นทางผ่านด่านข้ามแดน อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา  โดยคดีนี้มี นายกำพล เป็นผู้ต้องหา แต่ไม่มี นางนิภา และนายธนพล มีรายชื่อร่วมด้วย 

 

สำหรับ คดี คม.25/2561 มีการสั่งคดีในยุค นายเข็มชัย ชุติวงศ์ "อัยการสูงสุด" และมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคน

 

ส่วนคดี คม.24/2561 พบว่า ผู้ต้องหา 3 คนที่หลบหนี คือนายกำพล นางนิภา และนายธนพล ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมในช่วงขณะที่มีการเปลี่ยนผ่าน "อัยการสูงสุด" มาเป็น นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ 

 

กระทั่ง 3 พ่อ แม่ ลูก ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ เป็นผู้พิจารณา และมีคำสั่งไม่ฟ้องเฉพาะ นายธนพล ซึ่งเป็นอำนาจของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ ที่จะสั่งไม่ฟ้อง โดยขณะนั้น อยู่ในช่วงที่นายวงศ์สกุล เป็นอัยการสูงสุด ประกอบกับเมื่อ "อธิบดีอัยการ" สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สั่งไม่ฟ้องแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสนอต่อ "อัยการสูงสุด"

 

  

ต่อมา นายกำพล นางนิภา ได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีกครั้ง โดยในคราวนี้ "อธิบดีอัยการ" สำนักงานคดีค้ามนุษย์ ไม่ได้สั่งด้วยตัวเอง แต่เสนอขึ้นไปที่ "รองอัยการสูงสุด" และรองอัยการสูงสุด ในยุคที่ นายวงศ์สกุล เป็นอัยการสูงสุด ก็มีความเห็นไม่ฟ้อง นางนิภา เพียงคนเดียว โดยการสั่งคดียุติที่ "รองอัยการสูงสุด" และไม่ต้องเสนอ "อัยการสูงสุด" เช่นเดียวกัน

 

ดังนั้น การสั่งคดีไม่ฟ้อง ทั้ง นายธนพล และ นางนิภา ทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในช่วงที่  นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์  ดำรงค์ตำแหน่ง "อัยการสูงสุด" เพียงแต่กฎหมายให้อำนาจ "อธิบดีอัยการ" สำนักงานคดีค้ามนุษย์ และ "รองอัยการสูงสุด" สั่ง "ไม่ฟ้อง" ได้ โดยไม่ต้องเสนอมาที่ "อัยการสูงสุด"

 

 

 

อย่างไรก็ตาม การกลับคำสั่ง "ไม่ฟ้อง" ผู้ต้องหาคดีสำคัญในยุคที่ นายวงศ์สกุล เป็นอัยการสูงสุด นี้เอง นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ เด็กและสตรี จึงได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึง 2 ครั้ง

 

โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 และครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 โดยขอให้มีการตรวจสอบ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ในฐานะอัยการสูงสุด ว่าได้มีการปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนร่วมในการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ทั้งนางนิภา และนายธนพล ซึ่งอยู่ในระหว่างการหลบหนีคดี ด้วยหรือไม่

 

มีการกระทำความผิด หรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือมีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและเอาผิดกับบุคคลทุกระดับชั้น ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้อง หรือมีการเข้ามาแทรกแซง กระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด

 

เช่นเดียวกัน นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กล่าวถึงกรณีที่ตัวแทนเครือข่ายองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร มีหนังสือสอบถามมายัง ประธาน ก.อ. ส่งมายังสำนักงานอัยการสูงสุด และยื่นไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการขอทราบเหตุผลที่อัยการ จากเดิมมีความเห็น "สั่งฟ้อง" แล้วต่อมาได้กลับความเห็นเป็น "สั่งไม่ฟ้อง" นางนิภา และนายธนพล ภรรยาและลูกชายนายกำพล ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ในสถานบริการอาบอบนวด "วิคตอเรียซีเครท" ว่า ทราบจากสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ 

 

ส่วนตัวก็ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานความจริง แต่ก็อยากให้สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาชี้แจง เกี่ยวกับการสั่งคดี "วิคตอเรียซีเครท" เพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่ประชาชน