ข่าว

ยอดถูกจับฝ่าด่าน "เคอร์ฟิว" ยังสูง ล่าสุดโดนดำเนินคดีอีก 20 ราย เฉพาะในพื้นที่นครบาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงานยอดผู้ที่ถูกจับกุมฝ่าด่าน "เคอร์ฟิว" ยังสูง ล่าสุดพื้นที่นครบาลดำเนินคดีเพิ่ม 20 ราย ขณะที่ประชาชนและจำนวนรถ น้อยลง

เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ กองบัญชากาตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกออนไลน์ รายงานผลการปฏิบัติจุดตรวจเคอร์ฟิว กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 21 ก.ค.64 เวลา 21.00 น. ถึง วันที่ 22 ก.ค.64 เวลา 04.00 น. ดังนี้ 

  • การเรียกตรวจยานพาหนะ จำนวน 2,277 คัน (ลดลง 619 คัน)
  • การเรียกตรวจบุคคล จำนวน 2260 คน (ลดลง 841 คน)

โดยมีการดำเนินการกับผู้ต้องหาฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในจุดตรวจ จำนวน 12 ราย นอกจุดตรวจ จำนวน 8 ราย รวมจำนวน 20 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การตั้งด่านช่วงเวลาเคอร์ฟิวที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากในพื้นที่กองบัญชาการแล้ว ยังมีการตั้งด่านรวมอีก 13 จังหวัด หลังศบค.ได้มีการประกาศยกระดับมาตราการควบคุมการระบาดโดยเพิ่มอีก 3 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งหมด 13 จังหวัด ประกอบด้วย 

  1. กรุงเทพ
  2. สมุทรปราการ
  3. นนทบุรี
  4. ปทุมธานี
  5. สมุทรสาคร
  6. นครปฐม
  7. สงขลา
  8. ยะลา
  9. ปัตตานี
  10. นราธิวาส
  11. พระนครศรีอยุธยา
  12. ชลบุรี
  13. ฉะเชิงเทรา

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากประชาชนต้องการที่จะเดินทางข้ามจังหวัด ต้องลงทะเบียนเดินทางข้ามจังหวัด จะต้องมีเอกสารที่ทาง ศบค. รับรอง โดยสามารถลงทะเบียนเดินทางข้ามจังหวัด (กรณีมีความจำเป็นอย่างยิ่ง)  เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องเข้าคิวในการร้องขอเข้า - ออกนอกพื้นที่ “แดงเข้ม” ผ่านเว็บไซต์ www.covid-19.in.thโดยจะได้รับ qr code เพื่อใช้แสดงที่ด่านให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 

ขณะที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.)

เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในงพื้นที่ควบคุมสุดและเข้มงวดโดยให้ตรวจรถทุกคันตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทางที่จะเดินข้ามจังหวัด เพื่อสกัดกั้นการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในการกำหนดจุดตรวจ ด่านเคอร์ฟิว จุดสกัด ให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดและบูรณาการกำลังพลปฏิบัติร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร และสาธารณสุข

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ