อธิบดีราชทัณฑ์ แจง ส่ง"เพนกวิน"เข้าสถานกักขังกลางปทุมธานี ตามคำสั่งศาล

นายอายุตม์ สินธพพันธ์ุ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการเผยแพร่ข่าวของมวลชนกลุ่มราษฎร ที่ระบุให้มีการติดตามดูการย้ายสถานที่ควบคุม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำราษฎร จำเลยคดีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2563 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ว่า

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น คือเป็นการเคลื่อนย้าย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปกักขังตามคำสั่งศาลอาญา ที่สั่งลงโทษกักขัง นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน  ฐานละเมิดในศาลเป็นเวลา 15 วัน และเมื่อวานนี้ทางกรมราชทัณฑ์ จึงได้ดำเนินการเคลื่อนย้าย นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ไปที่สถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษเบากว่าการควบคุมในเรือนจำทั่วไป พร้อมกันนี้ยังได้ประสานส่งข้อมูลเรื่องสุขภาพของ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ที่อยู่ระหว่างการอดอาหาร แสดงความบริสุทธิ์ให้ผู้ดูแลควบคุมสถานกักขัง รวมถึงเจ้าหน้าที่พยาบาล ติดตามดูแลเรื่องสุขภาพผู้ต้องขังตามมาตรฐาน เช่นเดียวกับผู้รับโทษรายอื่นๆ

ส่วนกรณีวานนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน รวมถึงกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าเยี่ยมจำเลยแกนนำกลุ่มราษฎร ที่ถูกควบคุมตัวชั่วคราวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมเยียนถามไถ่สุขภาพ และสอบถามความต้องการระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำฯ ซึ่งได้พบกับแกนนำเพียง 3 คน ส่วนอีก 4 คน ถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลตามนัดไต่สวนคดี

อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุด้วยว่า เป็นสิทธิ์ในการขอเข้าเยี่ยมจำเลยตามปกติ ตามหลักเกณฑ์ที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ส่วนการเข้าเยี่ยมในครั้งถัดไปนั้น ยังไม่พบว่ามีการติดต่อนัดหมาย ส่วนเรื่องการขออนุญาตเข้าเยี่ยมของญาติผู้ต้องขังทั่วไป ในช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยืนยันว่า อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ เพียงแต่เป็นการเข้าเยี่ยมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนท์ เพื่อลดการสัมผัสและการเผชิญหน้า ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ส่วนที่จะมีการพิจารณาอนุญาตให้เยี่ยมผ่านระบบไลน์ เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาออกข้อกำหนดให้เหมาะสมรัดกุม ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร