ความสูญเสีย ไม่ว่ากรณีใดคงเป็นยากที่จะทำใจ แต่สำหรับครอบครัว 'กัลยาณสิทธิ์' จะกลายเป็นเรื่องคาใจไปตลอด เพราะการรักษาที่ควรจะได้รับอย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เกิดขึ้นลูกชาย วัย 2 ขวบ ที่เข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลแห่งนี้
เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ที่ต้องสูญเสีย “น้องติณ” ลูกชายวัยเพียง 2 ขวบ ระหว่างเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่สุดท้าย สาเหตุการเสียชีวิตของน้องติณ กลายเป็นเรื่องคาใจ จากจุดเริ่มต้น ตั้งแต่ครอบครัวพาน้องติณเข้าโรงพยาบาล กลับไม่ได้พบหมอ มีเพียงเจ้าหน้าที่ที่แจ้งได้เพียงให้รอ ซึ่งใช้เวลานานมากจนหนูน้อยวัย 2 ขวบ ต้องมาเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันตรุษจีน ที่ผ่านมา
ทีมข่าวอาชญากรรม คมชัดลึก ออนไลน์ ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สิทธิญา กัลยาณสิทธิ์ แม่ของน้องติณ ซึ่งเพิ่งจะสูญเสียลูกชายวัยเพียง 2 ขวบเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวเกิดความข้องใจถึงการให้บริการของโรงพยาบาล เหตุใดจึงไม่เจอคุณหมอ มีแต่เจ้าหน้าที่ที่มาดูแลอาการเบื้องต้น และยังให้รอพบคุณหมอ รอแพทย์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งๆ ที่พาลูกชายเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินแล้ว
พอลูกชายเริ่มมีไข้ จึงพาไปโรงพยาบาล หมอให้ยามากิน 2 วัน อาการไม่ดี จึงพาไป รพ.พระจอมเกล้า ได้ให้ยามาใหม่ เมื่อกลับบ้าน เด็กยังมีไข้ รีบเช็ดตัวก่อนพาไปโรงพยาบาล เมื่อถึง รพ.ก็เช็ดตัว หมอแจ้งติดเชื้อที่ปอดนิดหน่อย จะให้น้ำเกลือ ใช้เข็มแทงเกือบ 10 ครั้ง จนกระทั่งใช้เข็มแทงได้เส้นที่เท้า แต่เท้าบวม พยาบาลบอกไม่เป็นไร ให้เด็กนอน รพ.
ต่อมา หลังจากที่รอแพทย์เป็นเวลานาน แม่ก็บอกเด็กไม่ไหว ช่วยส่งลูกไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดได้ไหม แต่พยาบาลบอกว่าต้องรอหมอมาก่อน ก็นั่งรอจนลูกชักกระตุก แต่พยาบาลบอกไม่เป็นไร แต่แม่ไม่เคยเห็นอาการลูกแย่ขนาดแบบนี้ หน้ากระตุกซีกเดียว จึงได้เรียกพยาบาลอีกครั้ง ทางพยาบาลก็บอกให้รอหมอ จนต้องร้องถามเสียงดังว่า "หมอช่วยมาด่วนได้หรือไม่ ลูกอาการไม่รับรู้อะไรแล้ว"
เมื่อหมอมาถึง อาการของน้องติณก็หนักมากต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะอาการวิกฤติแล้ว ปอดติดเชื้อ น้ำเกลือยาที่ให้ที่เท้าก็ไม่เข้าเส้นเลือด บวมที่ส้นเท้า 4-5 เช็นติเมตร
"อยากให้ลูกเป็นคนสุดท้าย อยากให้หมอและพยาบาลช่วยดูแลผู้ป่วยให้มากกว่านี้" น.ส.สิทธิญา กล่าวด้วยความเสียใจ
ขณะที่นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อาจต้องกลับไปตรวจสอบรายงานที่มีการลงบันทึกเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผู้ป่วยประเมินอาการไว้ที่ระดับใด เพราะปกติในห้องฉุกเฉิน ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องของอาการผู้ป่วย ซึ่งจะมีการจัดระดับความรุนแรงของอาการ เช่น ระดับ 3 ยังรอแพทย์ได้ หรืออาการหนักจนถึงระดับ 1 ซึ่งจะต้องพบแพทย์โดยทันที
"ฉะนั้น จึงต้องกลับไปตรวจสอบรายงานที่มีการลงบันทึกฉบับนี้ก่อน" นพ.อดิศักดิ์ กล่าว
ด้าน นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า บอกว่า ปกติ หากเกิดปัญหาที่เกี่ยวกับการรักษาระหว่างแพทย์กับคนไข้ สิ่งที่ควรทำคือ การพูดคุยไกล่เกลี่ยกันด้วยความเต็มใจ เพราะหากแพทย์ที่รักษามีความผิดพลาดจริง ทางโรงพยาบาลก็จะต้องเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีการไกล่เกลี่ยเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาเรื่องนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง