ผบ.ตร.ประกาศ คดีน้องชมพู่ คนทำผิดต้องรับโทษ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ เเจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีน้องชมพู่ หลังนำผู้ใกล้ชิด  เเละพยานเข้าเครื่องจับเท็จว่า กรณีของผลเครื่องจับเท็จตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้ เพราะต้องรอผลที่แปรออกมา และอยู่ในระหว่างดำเนินการทางธุรการออกมาแปลผลเป็นรายงาน

 

 

เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาต่อไป โดยแผนการทำงานตอนนี้เกินไปกว่าแผนที่วางไว้มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ที่เคยย้ำไปก่อนหน้านี้ และพบเรื่องใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

 

ส่วนแนวทางของคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ยุติอย่างแน่นอน เพราะมีเหตุผลใหม่ และข้อเท็จจริงใหม่ของคดีนี้ พร้อมยืนยันว่า "น้องชมพู่" ไม่สามารถขึ้นไปบนภูเหล็กไฟได้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน   

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า คงไม่สามารถพูดได้ว่าบุคคลที่ถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ จะเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด และยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะมีการนำใครมาเข้าเครื่องจับเท็จเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใคร แต่พรุ่งนี้ยังก็ไม่เเน่ ซึ่งการจะออกหมายจับใครต้องมั่นใจ และผู้ต้องหามีสิทธิจะใช้กระบวนการยุติธรรมในการต่อสู้คดี พร้อมฝากไปถึงคนร้ายว่า ทางตำรวจจะไม่มีการยุติการสอบสวนสืบสวน แต่จะเดินหน้าคดีจนกว่าจะได้ตัวคนร้าย ดังนั้น เรื่องการออกหมายจับ "วันนี้จึงยังไม่มี แต่พรุ่งนี้ไม่รู้"

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังปฎิเสธที่จะตอบคำถาม กรณีผู้ที่มาเข้าเครื่องจับเท็จ ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ส่วนจะนำพยานมาเข้าเครื่องจับเท็จใหม่อีกหรือไม่ ต้องหารือก่อน ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน  และจะใช้เวลานานเท่าที่จำเป็น พร้อมย้ำด้วยว่า "ยังไงก็จะไม่เลิกทำคดีนี้ คนทำผิด ต้องเอาให้ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาที่ประเทศมี และจะไม่ทำอะไรนอกกติกา ยังไงก็จะไม่เลิกทำ" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ตำรวจ ปทส. หรือ หน่วยงานเข้าดำเนินการกับ "ลุงพล" เนื่องจากยังไม่สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ได้ จึงจับกุมในคดีอื่นนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของชุดสืบสวนในคดีของน้องชมพู่ เพราะตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน และอยู่ภายใต้ของกฎหมาย