"ลุงพล" พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ครอบครองไม้หวงห้ามและทำร้ายผู้สื่อ พร้อมให้การปฏิเสธทั้งสองคดี
จากกรณีที่ สำนักงานป่าไม้ จ.มุกดาหาร มอบหมายให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มห.2 (ดงหลวง) เข้าแจ้งความเอาผิด นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวร สภ.กกตูม ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ในคดี ครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484และคดีที่ผู้สื่อข่าวทำร้ายผู้สื่อข่าว โดยมี 3 ข้อหารวมเป็น 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย , ข่มขืนจิตใจ และพยายามชิงทรัพย์
ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมา (26มกราคม63) นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ได้เดินทางด้วยรถส่วนตัวพร้อมกับทนายส่วนตัวโดยไม่มียูทูปเปอร์ติดตามโดยมีป้าแต๋นเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งการรับทราบข้อกล่าวหาในครั้งนี้เป็นการมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกฉบับที่1ซึ่งนายนายไชย์พล วิภา ตกเป็นผู้ต้องหา ในคดี โดยนายไชย์พล หรือ ลุงพล ให้การปฏิเสธ ทั้งสองคดี
เนื่องจากไม่ได้มีเจตนาที่จะครอบครองไม้ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ และไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนคดีทำร้ายร่างกายนักข่าว ก็ไม่มีมีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกาย แม้ภาพจะปรากฏออกมาถึงความรุนแรง แต่เจตนาแท้จริงเพียงแค่หยอก เพราะนายไชย์พล หรือ ลุงพล สนิทกับผู้สื่อข่าวทั้งสองช่อง สำหรับขั้นตอนจากนี้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมเอกสารส่งอัยการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กล่าวด้วยว่า วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก และได้การปฏิเสธ ทั้งสองคดี เนื่องจากไม่ได้มีเจตนาที่จะครอบครองไม้ แต่เป็นเพราะความไม่รู้เท่าไม่ถึงการ ส่วนคดีทำร้ายร่างกายนักข่าว ก็ไม่มีมีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกาย แม้ภาพจะปรากฏออกมาถึงความรุนแรง
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นจากการเข้ารับทราบข้อหา นายไชย์พล "ลุงพล" จะเดินทางไปพบกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัว จากเดิมที่กำหนดว่าจะไปไหว้พระขอพร ร่วมกัน แต่ได้ยกเลิกกิจกรรมไหว้พระ ทำบุญ แต่ จะมีการพูดคุยปรึกษาเรื่องคดีน้องชมพู่เป็นการส่วนตัว ก่อนที่ทนายตั้มจะเดินทางกลับกทม และจะกลับมาลงพื้นที่บ้านกกกอกขึ้นพิสูจน์ ภูเหหล็กไฟ จุดพบศพน้องชมพู่ว่าสามารถเดินขึ้นมาเสียชีวิตเองได้หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง