ข่าว

2 คดี สตม. มาเฟียอยู่เกินกำหนด - ลักลอบพาเข้าเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลงาน 2 คดี จับกุมมาเฟียจอร์แดนรีดไถเงินนักท่องเที่ยว คนไทยรับจ้างขับบรรทุกพาชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองมาหางานทำในพื้นที่อุตสาหกรรม

 

              เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (บช.สตม.)  พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมนายตำรวจประจำ สตม. เปิดแถลงผลการจับกุมรวม 2 คดี และแถลงมาตรการการเข้มงวดกวดขันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

อ่านข่าว - จัดซื้อ 27 ลำ หมดงบกว่า 300 ล้าน จอดโชว์โรงเก็บ

 

 

 

              คดีแรก นายอาลี ฟาเตฮิ ตาฟีค มาร์เมาท์ อายุ 24 ปี สัญชาติ จอร์แดน ตรวจประวัติพบว่าเคยถูกทางเจ้าหน้าที่ สตม. จับกุมตัวในข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตสิ้นสุด” ระยะเวลานานกว่า 1,840 วัน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 ที่่ผ่านมา

              หลังจากที่สืบทราบว่ามีชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายชาวตะวันออกกลาง แสดงพฤติการณ์เป็นมาเฟียเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองกับคนสัญชาติเดียวกัน และชาวตะวันออกกลางที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือที่ประกอบธุรกิจในซอยนานา ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ทั้งยังอ้างความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่รัฐว่าสามารถให้ความช่วยเหลือและดูแลชาวต่างชาติที่ถูกจับกุม

              จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ต้องการอยู่ในประเทศไทย เพราะค่าครองชีพต่ำ หาเงินง่าย รายได้ดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยถูกส่งกลับประเทศจอร์แดน เมื่อช่วงต้นปี 2562 จึงทำหนังสือเดินทางใหม่เพื่อหวังว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ต่อมาเดือน พฤศจิกายน 2562 จึงเดินทางมายังประเทศไทย โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จังหวัดสงขลา แต่ถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ จากนั้นจึงตัดสินใจใช้วิธีหลบหนีผ่านทางช่องทางธรรมชาติ และมาพักกับหญิงไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนจะเดินทางต่อมายังกรุงเทพฯ

 

 

 

              ส่วนรายได้อาศัยหาจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นครั้งแรก โดยทำทีตีสนิทและอ้างว่าสามารถพูดคุยกับตำรวจได้ เพื่อเรียกเงินระหว่าง 1,000 - 2,000 บาทต่อคน ก่อนจะมาถูกจับกุมตัวได้ พร้อมแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

              คดีที่ 2 มาจากการสืบทราบว่า มีขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวชาวกัมพูชาเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา - กบินทร์บุรี ด้วยรถกระบะบรรทุกหลังคาสูง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางดังกล่าว กระทั่งเวลา 22.30 น. (27 มกราคม) พบรถกระบะ โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สีขาว ทะเบียน ผต 39 อุบลราชธานี ลักษณะเดียวกับที่ได้รับแจ้ง วิ่งมาด้วยความเร็วสูง คลุมด้วยผ้าสแลนดำ จึงติดตามและสั่งให้หยุดเพื่อตรวจค้น

 

 

 

              ผลการตรวจค้น พบว่า คนขับคือ นายสมพงษ์ แสนองอาจ อายุ 45 ปี มีชาวกัมพูชา จำนวน 25 คน นั่งแออัดกันอยู่ที่ด้านหลังกระบะ ซึ่งทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางแต่อย่างใด ขณะที่การสอบสวน นายสมพงษ์ ให้การว่า ถูกว่าจ้างจากชายกัมพูชารายหนึ่ง ให้ทำหน้าที่นำชาวกัมพูชา ทั้ง 25 คน เดินทางตามเส้นทางธรรมชาติ บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำไปกระจายส่งยังปลายทางที่ จ.ชลบุรี จ.สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ ด้วยค่าแรงเป็นเงินเที่ยวละ 1,500 บาท และเมื่อเสร็จงานจะได้เพิ่มอีกตามจำนวนคนที่นำไปส่ง 100 บาทต่อคน

              ส่วนชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรายหนึ่งให้การว่า พวกของตนลักลอบเดินเท้าเข้าเมืองมาผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วมาขึ้นรถที่จุดนัดพบบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยจะต้องเสียเงินค่าดำเนินการให้นายหน้าคนละประมาณ 5,000 บาท เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

              พลตำรวจตรี สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) กล่าวถึงมาตรการรับมือไวรัสโคโรน่า ว่า หลังจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามการแพร่ระบาดของโรค ทั้งภายในและนอกประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายในการติดตามคนจีน รวมถึงไฟลท์บินที่มาจากอู่ฮั่น และกวางโจว รวมถึงเมืองอื่นของประเทศจีน โดยได้สั่งให้ตรวจคัดกรองที่สนามบินทุกแห่ง พร้อมกวดขันด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งบนบกและในน้ำ โดยประสานงานร่วมกับหน่วยแพทย์ควบคุมโรค โดย ตม. ทุกจังหวัด จะตรวจสอบผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมดว่าไปพักที่ใด และจะร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวัดไปตรวจสอบ

              สำหรับยอดนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่า มาจากเมืองอู่ฮั่น 2,686 คน มาจากเมืองกวางโจว 12,256 ราย ตรวจสอบทั่วประเทศแล้วร่วม 2,000 รายเศษ นอกจากนี้ ยังมีคนจีนกว่าหลักแสนคนเข้ามาอยู่ในประเทศก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งส่วนใหญ่ไม่พบการติดเชื้อ

 

 

 

2 คดี สตม. มาเฟียอยู่เกินกำหนด - ลักลอบพาเข้าเมือง

 

 

 

2 คดี สตม. มาเฟียอยู่เกินกำหนด - ลักลอบพาเข้าเมือง

 

 

 

              ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายผ่อนผันค่าปรับ กรณีผู้ป่วยหรือนักท่องเที่ยวไม่สามารถกลับออกนอกประเทศได้ พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเครื่องมือที่ใช้งานตามด่าน ทุก 30 - 60 นาที และประสานตำรวจท่องเที่ยวให้แนะนำผู้ขับขี่รถสาธารณะสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ