ข่าว

แพรวา 9 ศพเกือบ10 ปีเยียวยา=0

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ขุดคดีแพรวา 9 ศพ ผ่านมาเกือบ 10 ปี "ไร้การเยียวยา" แม้แต่งานศพก็ไม่มา ระบุทนายคนดังยังท้า "ถ้าอยากได้เงินกูต้องออกแรงหน่อย" แฉเปลี่ยนชื่อบ่อย-แต่งงานแล้ว

 

          จากเหตุการณ์อุบัติเหตุ รถเก๋งซีวิคชนกับรถตู้โดยสาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ สร้างความสะเทือนขวัญให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 โดยมี น.ส.แพรวา หรือ แพรวพราว เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 17 ปีในขณะนั้น เป็นคนขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า ช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ

 

        จนถึงวันนี้เวลาผ่านมา 9 ปี 7 เดือน ตอนนี้กลายเป็นว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะคดีนี้ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีประจักษ์พยานให้การยืนยันการเหตุการณ์ ทั้งผู้โดยสารที่อยู่ในรถตู้และเจ้าหน้าที่ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งขับรถตามหลังมาและเห็นเหตุการณ์

 

          รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงเห็นว่าจำเลยมีความผิดจริง ฐานขับขี่รถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การนำสืบพยาน เป็นประโยชน์ต่อคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือลงโทษจำคุก 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี พร้อมสั่งคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์

 

         ส่วนข้อหาใช้โทรศัทพ์มือถือขณะขับรถ โจทก์ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวจริง จึงพิพากษายกฟ้อง และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นค่าเสียหายไร้อุปการะ บุคคลที่เลี้ยงดู บุคคลที่มีชีวิตอยู่ ศาลฎีกาได้แก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไปยืนยันให้ฝ่ายจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเหมือนที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษามาแล้ว ให้ชดใช้ผู้เสียหายทุกคน และคดีถึงที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562

      

 

            แม้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ก่อเหตุจำคุกเป็นเวลา 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี พร้อมกับบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี แต่ในส่วนการเยียวยาชดเชยผู้เสียหาย ก็ยังไม่สามารถสรุปได้จนถึงทุกวันนี้

 

          ผู้สื่อข่าวได้ พูดคุยกับ นางทองพูล พานทอง แม่ของนางสาวนฤมล คนขับรถตู้ หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวเปิดใจทั้งน้ำตา ว่าจนถึงเวลานี้ ล่วงเลยมาเกือบจะ 10 ปี แม่และครอบครัวยังไม่ได้รับคำขอโทษ หรือเห็นการสำนึกผิดของแพรวาและครอบครัวเลย ที่ผ่านมาเวลาต่อสู้ในชั้นศาลไม่ว่าจะศาลใด ตนไปทุกนัด เพราะก็อยากรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะลูกตนป็นสาเหตุ ให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่

 

        แต่วันนี้ศาลฎีกาก็ระบุแล้วว่าลูกตนไม่ผิด และแพรวา ต้องชดใช้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่พอศาลอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 จนถึงเวลานี้ ตนและผู้เสียหายทุกคน ยังไม่มีการได้รับการติดต่อเยียวยาชดใช้ใดๆทั้งสิ้น ตรงกันข้ามกับแพรวาและครอบครัว ที่ยังใช้ชีวิตสุขสบาย มีครอบครัว แต่พวกเราทุกข์ทรมาน การขอโทษ การสำนึกผิดไม่มี แถมยังช่วงระหว่างศาลอุทรณ์ ทนายความของแพรวา ซึ่งเป็นญาติกัน ยังมีการใช้ถ้อยคำรุนแรงกับตน ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกตน และมีประโยคหนึ่งที่ทำร้ายจิตใจเรามากว่า "ถ้าอยากได้เงินกูต้องออกแรงหน่อย"

       

 

         และที่สำคัญ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับเงินชดใช้ใดๆจากครอบครัวแพรวาเลย ที่ผ่านมาได้เพียงเงินจากประกันภับรถยนต์เท่านั้น แม้แต่งานศพก็ไม่มา แต่ในช่วงระหว่างต่อสู้ในศาลสิ่งที่เขาแสดงออกกับเราคือ มันเจ็บ เราจะได้ยินการสืบพยาน มันละเอียดมาก มันสะเทือนใจ และซึ้งใจกับหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือเรา แต่กับเขาไม่มี และช่วงที่ต่อสู้กันในศาล ทางทนายความแพรวา ได้ทำเรื่องทุเลาต่อศาล โดยระบุเป็นข้อความว่า

 

         จำเลยที่ 1 คือแพรวา และจำเลยที่ 2 และ 3 คือพ่อและแม่แพรวา ไม่มีเจตนาจะประวิงเวลาแต่อย่างใด ขอกราบเรียนต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 และ 3 เป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 มีฐานะมั่นคง และอยู่ในวงษ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงในสังคมและจำเลยทั้งหมด ยังเป็นทายาทของทหารยศ ‘พลเอก’ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและประกอบคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาโดยตลอด ฐานะทางการเงินมั่นคงสามารถชำระหนี้ได้ตามคำพิพากษาของศาลหากคดีถึงที่สุด

 

         ประโยคนี้ คุณแม่ทองพูลกล่าวว่า ตอนนี้คดีถึงที่สุดแล้ว เขาก็เฉย เหมือนกับเรื่องที่ลูกเขาทำไว้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกวันนี้แม่ต้องทุกข์ทรมาน ร้องไห้ตลอด มันเป็นแผลในใจ เรื่องเงินไม่เท่ากับสภาพจิตใจที่ไร้การเยียวยาแถมยังทำแบบนี้อีก ก็อยากถามถึงความเป็นธรรมด้วย

ขอบคุณที่มา   เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ