"บิ๊กตู่" จวก "สันธนะ" พฤติกรรมรับไม่ได้ รองโฆษกตร.ลุยเช็กเข้าข่ายมาเฟียหรือไม่ เจ้าตัวปัดเก็บส่วย อ้างค่าส่วนกลาง "มะปราง" ดาราดังพบตร.แจงโฆษณาเกินจริง
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ถึงกรณี พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.ตำรวจสันติบาล ในฐานะที่ปรึกษาประธานกรรมการตลาดใหม่ดอนเมือง ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นจับกุมผู้ค้าครีมผิดกฎหมาย โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะไปรู้ข้อมูลการทุจริตของผู้ใหญ่ในรัฐบาล ว่า คิดว่าคงไม่ใช่อดีตตำรวจ พฤติกรรมเหล่านี้ก็รับไม่ได้ ตำรวจเองก็รับไม่ได้
แฟ้มภาพ
เท่าที่ตรวจสอบได้รับรายงานมาประวัติก็ไม่ค่อยดีนัก ฉะนั้นอย่าไปขยายความให้เขา ฉะนั้นเขาอาจจะคิดในมุมที่อาจจะไม่ค่อยสนใจในกฎระเบียบ ซึ่งรู้สึกเสียดายในความที่เขาเคยเป็นตำรวจมาด้วยซ้ำไป กิริยาอาการท่าทางมันไม่ได้ และเห็นว่ามีคดีอยู่ 6-7 คดี ยิ่งพูดอาจยิ่งทำให้มีคดีเยอะมากขึ้น ดูถูกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูถูกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและองค์กรตำรวจ ซึ่งการที่พูดออกไปเดี๋ยวก็จะมาดูถูกอีก ทั้งนี้ อะไรก็ตามที่ท่านอ้างว่ากุมความลับของคนนั้นคนนี้มาบอก ขอให้ส่งมา ความลับที่ว่านั้นคืออะไร จะให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจงว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็โดนอีก ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน
“ผมยืนยันว่าไม่มีใครมากดดันเจ้าหน้าที่รัฐหรือรัฐบาลได้โดยเด็ดขาด ผมเข้ามาอย่างนี้ก็ต้องระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณ การเมืองอะไรก็ตาม จะต้องทำให้ถูกต้องชัดเจน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีข่าว พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาล เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลว่า จากการสอบถามทราบว่าที่ตลาดใหม่ดอนเมืองไม่มีผู้มีอิทธิพล โดย สน.ดอนเมือง ยืนยันเช่นกันว่าตลาดดังกล่าวไม่มีผู้มีอิทธิพล
ส่วนกรณีแม่ค้าออกมาให้ข้อมูลว่าถูกเรียกเก็บเงินนั้น ต้องไปดูว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ของใคร แต่เบื้องต้นทราบว่าเป็นที่ราชพัสดุ มีการเช่าทำสัญญาถูกต้องก็ถือว่าไม่ผิด นอกจากนี้จากการสอบถามผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (ผบก.น.1-9) ในพื้นที่นครบาล ไม่พบข้อมูลผู้มีอิทธิพล ซึ่งคิดเป็น 99 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ได้สอบถามจาก บก.สส. และบก.สปพ. แต่ยืนยันว่าการขายของไม่มีเครื่องหมาย อย. ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษกตร.) กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง โทรศัพท์หา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.จักรทิพย์โทรกลับไปหา พ.ต.ท.สันธนะ ในภายหลังนั้น ว่าไม่ทราบว่าพ.ต.ท.สันธนะ มีวัตถุประสงค์อะไรจึงมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวและโทรหาผบ.ตร. เพราะใครก็ตามสามารถมีเบอร์โทรของ ผบ.ตร.และสามารถโทรศัพท์หาท่านได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ก็รับสายผู้ที่โทรมาเป็นปกติ หากติดภารกิจก็จะโทรกลับในภายหลัง แต่กรณีเมื่อวานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ติดภารกิจลงพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยการประชุม ครม.สัญจรที่บุรีรัมย์ จึงโทรกลับในภายหลัง ซึ่งได้แจ้งพ.ต.ท.สันธนะว่าติดภารกิจ ก่อนวางสายโดยไม่มีการสนทนาอะไร
“ไม่ทราบว่าพ.ต.ท.สันธนะ มีวัตถุประสงค์อะไรถึงได้โทรหาท่านผบ.ตร. ไม่อยากให้ประชาชนสับสนว่ามีนอกมีในกับตำรวจ ยืนยันว่าท่านผบ.ตร.ไม่ได้สนิทสนมกับพ.ต.ท.สันธนะ เป็นพิเศษ เพียงแต่รู้จักในฐานะที่เป็นตำรวจเก่า แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของพ.ต.ท.สันธนะ ท่านก็ไม่ได้บันทึกไว้ เมื่อมีสายเข้ามา มิสคอลหลายครั้ง จึงได้โทรกลับ พอทราบว่าเป็นพ.ต.ท.สันธนะ ท่านผบ.ตร.ก็แจ้งว่าติดภารกิจ ก่อนวางสายโดยไม่ได้พูดคุยอะไรเพิ่มเติม อยากฝากเตือนพ.ต.ท.สันธนะ ว่าอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าได้สนทนากับผบ.ตร.จนทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรืออาจเกิดความเข้าใจผิด” รองโฆษก ตร.กล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า โดยปกติเบอร์โทรศัพท์ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ประชาชนสามารถโทรมาร้องทุกข์ได้ตลอดเวลา หากติดภารกิจไม่ได้รับสายก็จะมอบหมายให้ทีมงานรองโฆษกตร.รับเรื่องไปดำเนินการ ก่อนแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการตรวจสอบพฤติกรรมของพ.ต.ท.สันธนะ ว่ามีการแอบอ้างผบ.ตร.จนทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์คงไม่ได้ดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ ส่วน พ.ต.ท.สันธนะจะเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่
ด้าน พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ รองโฆษกตร. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ขณะที่ พ.ต.ท.สันธนะ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ที่สน.ดอนเมือง ซึ่งในขณะนั้นมีผู้สื่อข่าวรอนำเสนอข่าวอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สังเกตเห็นผู้สื่อข่าวคนหนึ่งลักษณะท่าทางมีพิรุธ ไม่มีอุปกรณ์การทำงาน ไม่สนใจที่จะนำเสนอข่าว ท่าทางเหมือนคอยเฝ้าระวังอะไรบางอย่าง เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าชายคนดังกล่าวทราบชื่อต่อมาคือ นายชนะโชติ สุขสุคนธ์ อายุ 40 ปี แขวนบัตรผู้สื่อข่าวตำแหน่งผู้ช่วยช่างภาพของสำนักข่าวแห่งหนึ่งจึงบันทึกภาพไว้ ต่อมาได้ตรวจสอบไปยังสำนักข่าวต้นสังกัด พบว่า นายชนะโชติ ไม่ได้เป็นผู้สื่อข่าวตามที่กล่าวอ้าง
“เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพย้อนหลัง พบว่า นายชนะโชติ ได้แฝงตัวเข้ามาเป็นผู้สื่อข่าวตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ในการนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหมายเรียก เชิญเจ้าหน้าที่ออกบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวดังกล่าวมาสอบปากคำ ว่าเคยออกบัตรผู้สื่อข่าวให้แก่บุคคลดังกล่าวหรือไม่ หากพบว่าไม่เคยออกบัตรผู้สื่อข่าวให้แก่บุคคลดังกล่าว และยืนยันว่าบัตรดังกล่าวเป็นบัตรปลอมก็จะดำเนินการให้แจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมต่อบุคคลดังกล่าวต่อไป” รองโฆษกตร.กล่าว
พ.ต.ท.ปองพล กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายชนะโชติพบว่า ต้องคดีกรรโชกทรัพย์และเสพยาเสพติดพื้นที่ สน.ดอนเมือง และตรวจสอบพบเป็นพนักงานของบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง สงสัยเป็นคนของพ.ต.ท.สันธนะ หรือไม่
พ.ต.ท.ปองพล กล่าวว่า หากพบความผิดจะดำเนินคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามปีะมวลกฎหมายมาตรา 264 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ โดยป.อาญา ม.264 ระบุว่า ผู้ใดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ ในเอกสารที่แท้จริง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.สันธนะ ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการเก็บค่าคุ้มครอง ว่าไม่มีการเรียกเก็บส่วยหรือค่าคุ้มครองจากผู้ค้าในตลาด แต่เป็นการเก็บค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ เพื่อการพัฒนาตลาด ทั้งนี้ พ.ต.ท.สันธนะ นำใบเสร็จมาโชว์สื่อมวลชนด้วย โดยในใบเสร็จระบุชื่ออาคาร หมายเลขโทรศัพท์ และจำนวนเงิน รวมทั้งลายเซ็น เป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าผู้ค้ายินยอมจ่าย
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวต่อว่า ผู้ค้าจ่ายขั้นต่ำ 500 บาท บางร้านก็ 1,000 หรือ 1,500 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้เป็นเหมือนค่าใช้จ่ายส่วนกลางของตลาด ทั้งค่าทำความสะอาด ค่าโบกรถการจราจร ค่ารปภ.ดูแลความปลอดภัยในช่วงกลางคืน ซึ่งจะมีการเก็บทุกสิ้นเดือน เฉลี่ยรวมแล้วเดือนละ 50,000 บาท ถึง 100,000 บาท โดยพนักงานของตลาดเป็นคนเก็บเงิน และไม่มีการบังคับให้จ่าย และไม่ได้จ่ายทุกร้าน ซึ่งร้านที่ไม่จ่ายก็สามารถเปิดร้านขายของในตลาดได้ตามปกติ สำหรับเงินที่ได้จากการเก็บค่าส่วนกลางจะนำเงินมาบริหารจัดการตลาดให้เพียงพอ แต่หากมีเงินเหลือก็จะให้คนเก็บเงินนำไปแบ่งกัน ซึ่งตนได้ให้นโยบายการบริหารจัดการตลาดไว้ว่าต้องอยู่กันให้ได้ และทุกอย่างนำเข้าระบบอย่างถูกต้อง
“ผมไม่ได้เก็บส่วยในตลาดใหม่ดอนเมืองแห่งนี้และไม่ใช่มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพล อย่ายัดเยียดสิ่งเหล่านี้ให้ผม” พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวยืนยัน
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวต่ออีกว่า กรณีที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.โทรกลับมาหาตนเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.) ว่า อย่าให้ข่าวที่บิดเบือนนั้น ตนมองว่า อาจเป็นความหวังดี แต่ยืนยันว่าทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.สันธนะ ยังเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ โดยท้าให้เอาตำแหน่งผบ.ตร.มาเดิมพัน และบอกสื่อมวลชนให้ไปถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ว่าเป็นสัญญาใจหรือเปล่าที่โทรศัพท์มาคุยกับตนเมื่อปี 2558 ก่อนจะมีการประชุมวาระเลือกการแต่งตั้ง ผบ.ตร. และหลังได้รับตำแหน่ง ตนเองยังเข้าไปพบพล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ห้องทำงานด้วย ซึ่งยืนยันว่าการออกมาพูดในวันนี้ไม่ได้เป็นการทวงบุญคุณจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ที่ได้ไป และจำได้ทุกคำพูดในครั้งนั้น ถ้าพูดต่อหน้าสื่อมวลชนแล้วไม่ใช่เรื่องจริงให้มาเอาผิดได้เลย ขอเพียงแค่ให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ โทรมาคุยกัน ส่วนจะนัดเคลียร์ใจกันส่วนตัวหรือไม่ ต้องแล้วแต่ผบ.ตร. พร้อมฝากบอก ผบ.ตร. ด้วยว่า “รักนะ” การออกมาพูดครั้งนี้ไม่ได้ต้องการแบล็กเมล์ หรือหักหลังใคร
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สันธนะ ยังเปิดเผยต้นเหตุความขัดแย้งกับตำรวจนายหนึ่งจนนำมาสู่การตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งด้วย โดยหลังจากให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จสิ้น พ.ต.ท.สันธนะ ก็เดินไปพูดคุยทักทายกับผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมืองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ใช่มาเฟีย พร้อมให้กำลังใจผู้ค้าในการขายของด้วย
ส่วนกรณีรองโฆษกตร.ออกมาเปิดเผยว่า มีคนของ พ.ต.ท.สันธนะติดบัตรสื่อมวลชนแฝงตัวไปที่ สน.ดอนเมือง นั้น พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า นายชนะโชติเป็นพนักงานของบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด จริง แต่ไม่ได้ให้นายชนะโชติไปสืบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.ดอนเมือง แต่นายชนะโชติไปสังเกตการณ์ที่สน.ดอนเมืองว่า มีผู้ค้ารายใดต้องการให้ความช่วยเหลือด้านคดีความหรือไม่ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งสายลับไปสืบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะสามารถแสวงหาข้อมูลจากแหล่งของตนเองได้
แฟ้มภาพ
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวต่อว่า ภายหลังทราบข่าวดังกล่าวได้เรียกนายชนะโชติมาสอบถาม นายชนะโชติอ้างว่าบัตรดังกล่าวเป็นบัตรพนักงานของจริงที่เคยได้รับสมัยที่ทำงานอยู่ที่สำนักข่าวดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ และเมื่อพ้นสภาพพนักงานก็ยังเก็บไว้ โดยแขวนรวมไว้กับบัตรพนักงาน แต่ด้วยความเร่งรีบจึงหยิบบัตรมาใช้ผิด อีกทั้งบัตรดังกล่าวไม่ได้นำออกมาแขวนแสดงไว้แต่เก็บไว้ภายในเสื้อ และยังไม่ได้ประกาศว่าตนเองเป็นพนักงานของสำนักข่าวใดๆ นายชนะโชติบอกว่าไม่ได้หลบหนีตามที่เป็นข่าว จึงว่ากล่าวตักเตือนและให้นายชนะโชติไปลงบันทึกประจำวันชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สน.ดอนเมืองตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด
ทั้งนี้ยืนยันว่าหากสำนักข่าวดังกล่าวเข้าแจ้งความดำเนินคดี หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกก็จะให้นายชนะโชติไปมอบตัวตามกระบวนการของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบังคับการ ตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2 ) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. เป็นประธานประชุมการทำงานในคดีตลาดใหม่ดอนเมือง โดยมี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมด้วย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะทำงานพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง โดยจะนำหลักฐานทั้งหมดที่พบในตลาดมาพิจารณาฐานความผิดทั้งในส่วนของเครื่องสำอาง อาหารเสริม ยาที่ไม่มีสลากที่อย.กำกับ และรวบรวมพยานหลักฐานที่พบในการตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของหน่วยงานอื่นๆ ก็จะร่วมตรวจสอบด้วยทั้งสำนักงานเขตดอนเมืองที่ดูความผิดตามพ.ร.บ.อาคาร การรุกล้ำที่สาธารณะคลองเปรมประชากร ส่วนกรมสรรพากรก็จะดูเรื่องการชำระภาษีย้อนหลัง พิจารณาว่ามีการชำระอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนปปง.จะดูความผิดฐานการฟอกเงินและตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ขณะที่กรมธนารักษ์จะดูเรื่องสัญญาการเช่าว่ามีการกระทำความผิดมากน้อยเพียงใด ตอนนี้จะดูหลักฐานทั้งหมดแล้วพิจารณาความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวางกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งร่วมกับสน.ดอนเมือง เพื่อดูแลพ่อค้าแม่ค้าต่อไป
“เมื่อวานนี้ได้เชิญนายสุชาติ โชว์วิวัฒนา กรรมการบริหารพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จำกัด เข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งนายสุชาติ ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวหารือในที่ประชุมวันนี้ด้วย และจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และคาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) จะมีความชัดเจนเรื่องการดำเนินคดีแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในการเก็บค่าคุ้มครอง” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับสันติบาล ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ออกมาชี้แจงประเด็นการเก็บเงินผู้ค้านอกเหนือจากค่าเช่า ว่าเป็นการเก็บเงินค่าส่วนกลางเข้ามาพัฒนาตลาดโดยตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องนั้น จะเข้าข่ายเป็นการเก็บส่วยหรือไม่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุว่าจะต้องตรวสอบพยานหลักฐานและพยานบุคคลประกอบด้วย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด
แฟ้มภาพ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ขอย้ำกับประชาชนเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สินค้า อาหารเสริมที่จำหน่ายภายในตลาดใหม่ดอนเมืองขณะนี้ เป็นสินค้าที่ถูกต้อง 100% และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.4 บก.ปคบ.) น.ส.วิรากานต์ เสณีตันติกุล หรือ มะปราง อายุ 29 ปี นักแสดงช่อง 3 เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.สง่า เอี่ยมงาม รองผกก.4 บก.ปคบ. พ.ต.ท.อภิชัย ไลออน รอง ผกก.4 บก.ปคบ. ร.ต.อ.กิตติพศ คงสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.4 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังมีกระแสข่าวกรณีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ Be Curve (บีเคิร์ฟ) เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่และโฆษณาเกินจริง
น.ส.วิรากานต์ กล่าวว่า ในฐานะเจ้าของบริษัท เก้าเก้านิววัน จำกัด และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดังกล่าว ได้นำเอกสารที่มีการจดทะเบียนบริษัทและได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถูกต้อง มามอบให้ตำรวจ บก.ปคบ. รวมถึงขอชี้แจงในประเด็นที่เป็นกระแสข่าว ดังนี้ บริษัทเกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ได้ยื่นเอกสารให้สคบ. ตรวจสอบการทำงานของบริษัทเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทเปิดจำหน่ายเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2561 มีตัวแทน 18 รายทั่วประเทศ มีการพูดคุยกันตลอด และบริษัทมี 2 เพจ คือ “99newone CO.,LTD.” กับ “Be Curve Thailand” ที่ตัวแทนสามารถนำรูปไปใช้ได้เลย แต่ตัวแทนอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้นำรูปภาพในเพจบริษัทไปตัดต่อใช้คำสโลแกนใหม่ อาทิ “ชงผอม” “ฉีกชงผอม” “จองสิทธิ์รวย” จึงทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ได้ส่งหนังสือเตือนตัวแทนไปแล้ว ซึ่งจะเตือน 1 ครั้งหากละเมิดจะตัดสิทธิ์เป็นตัวแทนทันที อย่างไรก็ตามในฐานะเจ้าของแบรนด์บีเคิร์ฟ ถ้าเกิดข้อผิดพลาดประการใดจะขอรับผิดชอบแทนทั้งหมด
นอกจากนี้ได้ส่งผลิตภัณฑ์ในลอตแรกให้บริษัทเอกชนตรวจหาสารเพื่อความสบายใจของผู้บริโภคและยืนยันแล้วว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสารต้องห้ามเจือปน อาทิ สารไซบูทามีน อีกทั้งได้ส่งให้ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจหาสารด้วยเช่นกันแต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ กล่าวว่า เบื้องต้น บก.ปคบ.จะสอบปากคำไว้ก่อนว่ามีข้อความโฆษณาเกินจริงหรือไม่ หากพบเข้าข่ายผิดจริงจะส่งให้ อย. ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วิรากานต์ เสณีตันติกุล หรือมะปราง นักแสดงกลุ่มเพาเวอร์ทรี ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มักได้รับบทเป็นนางร้ายอยู่บ่อยๆ ผลงานที่ผ่านมา เล่นละครเรื่อง ละครมณีดิน ละครผู้ใหญ่ลีกับนางมา ละครเรือนหอรอเฮี้ยน ละครรักเกิดในตลาดสด และละครนางทาส เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง