ข่าว

'สมรักษ์'ให้ปากคำคดีม.สันติภาพโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'สมรักษ์ คำสิงห์' เข้าให้ปากคำ 'ดีเอสไอ' คดีม.สันติภาพโลก สาขา 2 แจกปริญญาเอก

 

                          2 ก.ย.56 เรือเอกสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนในฐานะพยานกรณีที่เคยรับปริญญาดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 ที่มีนายศุภณัฐ ดอนจันทร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 ลาดพร้าว ใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง เรือเอกสมรักษ์ เปิดเผยว่า ตนได้รับการเชิญจากนายศุภณัฐ ให้เดินทางมารับปริญญากิตติมศักดิ์ในฐานะสร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับประเทศชาติจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพราะทางสถาบันได้จัดเตรียมให้พร้อมหมดทั้งเสื้อครุยและใบประกาศนียบัตร หลังได้รับปริญญาแล้วก็นำมาเก็บไว้ที่บ้าน ไม่เคยนำไปใช้อ้างอิง เพราะถือเป็นความภาคภูมิใจที่อย่างน้อยมีคนกลุ่มหนึ่งเห็นคุณค่าและเป็นกำลังใจที่เคยทำความดีเพื่อสังคม

                          ด้าน พ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า ได้เชิญเรือเอกสมรักษ์ มาให้ถ้อยคำในฐานะพยาน จากการสอบปากคำเบื้องต้นเรือเอกสมรักษ์ยืนยันว่าไปรับปริญญาจริง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และในการรับครั้งนั้นมีบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการการเมือง บันเทิง กีฬา และประชาชนทั่วไปมารับด้วยประมาณ 200 คน แต่ส่วนตัวไม่เคยนำใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวไปใช้ อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนและได้รับข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ทราบว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นสถาบันอุดมศึกษา แต่ยังใช้คำว่ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ดังนั้น ม.สันติภาพโลกจึงไม่สามารถให้ปริญญาบัตรหรือปริญญากิตติมศักดิ์ได้

                          พ.ต.ท.ศักกพล กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายเดือนก.ย.นี้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เกี่ยวกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก สาขา 2 สรุปสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการในฐานความผิดหลายประเด็น ทั้งการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพไม่ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัย ตามมาตรา 10 พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน และกรณีที่มีการเชิญบุคคลที่ทำประโยชน์ให้สังคมไปรับปริญญาและนำข้อมูลไปลงโฆษณาในคอมพิวเตอร์ เว็บไซต์ เพื่อโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อ

                          สำหรับกรณีที่ตรวจสอบพบความผิดปกติมูลนิธิศรัทธา ซึ่งพบยอดเงินบริจาคมากผิดปกติมาจากต่างประเทศจำนวน 1,000 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 40,000 ล้านบาทนั้น ล่าสุดไม่พบตัวเงินดังนั้นตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการโอ้อวดเพื่อหลอกลวงให้คนหลงเชื่อสถาบันได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศจริง

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ