
'ปลอกกระสุน'มัดมือยิงกัปตันบินไทย
คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'ปลอกกระสุน' มัดมือยิง...กัปตันบินไทย : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ
ย่างเข้าสู่ปีศักราชใหม่ 2554 ไม่ทันจะข้ามเดือน ก็เกิดคดีสะเทือนขวัญ สร้างความหวาดผวาให้คนเมืองกรุงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ใช้ถนนสายมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เนื่องจากมีมือปืนเลือดร้อนควงปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ซิ่งรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ไล่กระหน่ำยิงกัปตันสายการบินไทย จนได้รับบาดเจ็บ เพียงเพราะไม่พอใจที่กะพริบไฟหน้ารถยนต์ใส่
ราว 3 ทุ่มเศษของวันที่ 12 มกราคม 2554 ร.ท.พูลวิทย์ เรืองเดช วัย 53 ปี กัปตันสายการบินไทย ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู รุ่น 525 ทะเบียน 7ศ-4235 กรุงเทพมหานคร ลงมาจากทางด่วนศรีรัช เข้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ขับเครื่องบินของสายการบินไทยนำผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่เมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ขณะขับรถมาถึงทางแยกต่างระดับทับช้าง มีรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ติดทะเบียนป้ายแดง ขับตามหลังมาในระยะประชิด โดยรถยนต์คันดังกล่าวใช้ไฟซีนอล ซึ่งมีความสว่างมากกว่าปกติหลายเท่าตัว สะท้อนกระจกมองหลัง ส่งผลให้ ร.ท.พูลวิทย์ มองถนนไม่ชัด จึงต้องลดความเร็วลง เพื่อให้รถยนต์คันนี้ขับแซงขึ้นหน้า
"ไฟหน้าเขาเป็นหลอดซีนอล ซึ่งสว่างมาก สะท้อนกระจกมองหลังจนมองไม่เห็นทาง ต้องรอให้ขับแซงไป แล้วจึงกะพริบไฟหน้ารถใส่เพื่อต้องการบอกให้รู้ว่าไฟหน้ารถของเขารบกวนคนอื่น ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ผ่านไปไม่นานก็พบว่าเขาขับตามมาข้างหลัง พร้อมกับกะพริบไฟใส่หลายครั้งมาก ชั่วอึดใจเดียวก็เร่งเครื่องขับมาประกบทางด้านซ้ายรถผม แถมยังใช้แสงเลเซอร์สีแดงส่องเข้ามาในรถ ผมจึงใช้ไฟฉายส่องกลับคืนไป รถคู่กรณีได้ชะลอความเร็วลงไปอยู่ด้านหลัง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงปืนไล่หลังผม 2-3 นัด" ร.ท.พูลวิทย์ ให้การต่อตำรวจหลังเกิดเหตุ
กระสุนปืนพุ่งเข้าใส่กระจกหลังรถ ตรงเข้าเจาะสะบักด้านซ้ายของ ร.ท.พูลวิทย์ จนบาดเจ็บ ขณะที่คนร้ายพยายามเร่งเครื่องยนต์ไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ทำให้ต้องเร่งความเร็วหนีอย่างไม่คิดชีวิต โดยที่คู่กรณีตามลั่นกระสุนปืนใส่ไม่ต่ำกว่า 7 นัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับฉากหนึ่งในภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญ โชคดีที่ ร.ท.พูลวิทย์ ชำนาญเส้นทาง จึงขับรถเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ปฏิบัติการบินสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างหวุดหวิด
หลังเกิดเหตุตำรวจ สน.ประเวศ เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้าย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคดีสะเทือนขวัญ อยู่ในความสนใจของประชาชน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ. (ตำแหน่งในขณะนั้น) จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผบก.พฐก. นำกำลังตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานถึง 25 คน ปูพรมตรวจหาหลักฐานในที่เกิดเหตุเป็นระยะทางรวมกันเกือบ 7 กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 6 จุดแรกที่ถูกไล่ยิง ไปจนถึงช่วงกิโลเมตรที่ 12 บริเวณทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ
ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานชุดนี้ ใช้เวลาตรวจหาหลักฐานต่อเนื่องกันถึง 3 วัน เพื่อหาปลอกกระสุนปืน หลักฐานชิ้นสำคัญที่จะสาวไปถึงตัวคนร้าย โดยนำเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะเข้ามาช่วยค้นหา รวมทั้งการนำตะแกรงร่อนหาจากขยะที่ได้จากรถกวาดถนนที่เข้าไปทำความสะอาดในละแวกที่เกิดเหตุ
ความพยายามสัมฤทธิผล เมื่อพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตร 2 ปลอก โดยปลอกกระสุนปืนนัดแรกตกอยู่ขอบทางด้านซ้ายช่วง กม.ที่ 9.73 อีกปลอกตกอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ประมาณ กม.ที่ 8.925 มีรอยประทับว่า "รอยัลไทย อาร์มี่" เมื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบแล้วพบว่า ปลอกกระสุนทั้ง 2 ปลอกถูกยิงมาจากปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อกล็อก กระบอกเดียวกัน และนำไปเปรียบเทียบกับหัวกระสุนที่ผ่าออกจากร่าง ร.ท.พูลวิทย์ รวมถึงร่องรอยตามรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่กัปตันสายการบินไทยใช้ในวันเกิดเหตุแล้ว พบว่าตรงกัน
ขณะเดียวกัน ทีมสืบสวนของ สน.ประเวศ ได้เบาะแสจากอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งย่านอ่อนนุชว่า มีผู้ต้องสงสัยนำรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง เข้ามาว่าจ้างให้ดัดแปลงสภาพรถยนต์ เพราะมีปัญหาเรื่องไล่ยิงกัน ก่อนที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ จะขยายผลต่อ กระทั่งตามไปยึดรถยนต์คันดังกล่าวได้ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
เมื่อรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์คันนี้ถูกส่งต่อมาให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน พล.ต.ท.จรัมพร นำทีมผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์หลักฐานทั้ง 3 ด้าน คือ ผู้เชี่ยวชาญงานตรวจสอบด้านกายภาพ (หาหลักฐานทั่วไป) ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี (ตรวจคราบเขม่าดินปืน, ลายนิ้วมือแฝง) และผู้เชี่ยวชาญด้านชีวะ (งานตรวจหาดีเอ็นเอ) ลงมือตรวจสอบอย่างละเอียด
พบว่า รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์คันนี้ มีคราบเขม่าดินปืนติดอยู่ภายในรถ มีลายนิ้วมือแฝงติดอยู่ ดวงไฟซีนอลถูกถอดเปลี่ยนไป แผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังมีแมลงติดอยู่จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าป้ายทะเบียนน่าจะถูกเปลี่ยน ขณะที่คิ้วขอบกันชนติดอยู่ด้านเดียวบ่งบอกว่า เพิ่งผ่านการดัดแปลงสภาพเพื่อหนีความผิด ที่สำคัญคือ พบสติกเกอร์ติดอยู่ตรงไฟท้ายตรงกับรถคนร้ายที่กล้องวงจรปิด ซึ่งติดตั้งอยู่ในจุดที่เกิดเหตุบันทึกภาพเอาไว้ได้
จากหลักฐานที่ตรวจพบทำให้เชื่อได้ว่า รถยนต์คันนี้เป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ หลักฐานทั้งหมดถูกส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ขณะที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ ตรวจสอบประวัติผู้ครอบครองรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์คันนี้ พบว่า เป็นของ นายพริสร หรือณัฐพงษ์ ห้วยหงส์ทอง อายุ 26 ปี
หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.พังงา ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ จึงติดตามไปจับกุมได้พร้อมอาวุธปืน 3 กระบอก กระสุนอีก 60 นัด เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2554 โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลงมือยิง ร.ท.พูลวิทย์ จริง
หลักฐานที่ได้จากการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้คนร้ายรายนี้ดิ้นไม่หลุด และเป็นเบาะแสสำคัญที่ช่วยให้ตำรวจสามารถปิดคดีนี้ได้ภายใน 8 วัน
--------------------
(คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'ปลอกกระสุน' มัดมือยิง...กัปตันบินไทย : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ)