ข่าว

ตีปลาหน้าไซไทยเสี่ยงก่อการร้าย

ตีปลาหน้าไซไทยเสี่ยงก่อการร้าย

15 ม.ค. 2555

รายงานพิเศษ : 'สหรัฐ-อิสราเอลตีปลาหน้าไซ ไทยกระฉ่อนเสี่ยงก่อการร้าย' โดย ทีมข่าวความมั่นคง

          "แต่เมื่อเจอกับข่าวนี้ ผลร้ายจึงเกิดขึ้นกับประเทศไทยโดยตรง แม้ว่ากัมปนาทของระเบิดจะยังไม่ดังขึ้นแม้แต่ลูกเดียว ต่างจากสหรัฐอเมริกา-อิสราเอลที่ตีปลาหน้าไซจนไทยดังไกลไปทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อภัยก่อการร้าย"

          กลายเป็นข่าวตื่นตระหนกรับเทศกาลวันเด็กแห่งชาติปี 2555 หลังจากเว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกประกาศเตือนชาวอเมริกันในประเทศไทย โดยระบุว่า ผู้ก่อการร้ายชาวต่างชาติ เตรียมวางแผนก่อเหตุโจมตีย่านแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม.

          อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาแม้หน่วยงานความมั่นคงของไทยจะได้รับการ "แจ้งเตือน" เรื่อง "ผู้ก่อการร้าย" มาก่อน แต่ก็เลือกที่จะ "ปิดปากเงียบ" เพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย

          แต่เมื่อสถานทูตสหรัฐอเมริกาออกมาเปิดเผย จึงทำให้เจ้ากระทรวงความมั่นคง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ต้องออกมาแจงรายละเอียดว่า กลุ่มก่อการร้ายอาจจะทำในลักษณะ "คาร์บอมบ์" ต่อสถานที่สำคัญ อาทิเช่น สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย โบสถ์ชาวอิสราเอล บริษัททัวร์ และร้านอาหาร

          โดยล็อกเป้าไว้ที่ "กลุ่มชาวอิสราเอล" ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย !!!

          ส่วนสาเหตุหลักที่กลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามาในประเทศไทยเพื่อก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากมี "มือสังหารชาวอิสราเอล" ไปสังหารหนึ่งในสี่ "วิศวกรชาวอิหร่าน" ที่มีความชำนาญด้านนิวเคลียร์ จึงเดินทางเข้ามา “ล้างแค้น” ในประเทศไทย

          ข่าวกรองสะท้านเมืองดังกล่าวได้มีการแจ้งเตือนมายังหน่วยงานความมั่นคงของไทย กระทั่งมีการเดินทางเข้ามาเมื่อประมาณ 1-2 วันที่ผ่านมา

          แหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยว่า หน่วยงานความมั่นคงของไทยได้เกาะติดข่าวกลุ่มก่อการร้ายที่จะเข้ามาก่อเหตุความรุนแรงในไทยมาได้ระยะหนึ่งแล้ว หลังจากได้รับการประสานมาจากต่างประเทศ โดยได้เกาะติดมาตั้งแต่ช่วงวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสที่แน่ชัดของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้

          “หน่วยข่าวความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้เกาะติดเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนปีใหม่แล้ว โดยเฉพาะตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจสันติบาล โดยมีภาพถ่ายที่ทางสหรัฐอเมริกาส่งมาให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยเพื่อไล่ล่าติดตาม โดยกลุ่มก่อการร้ายได้เตรียมแผนจะก่อเหตุรุนแรงแน่ เพราะไม่พอใจที่วิศวกรนิวเคลียร์มือดีของอิหร่านถูกลอบวางระเบิดเสียชีวิต ซึ่งวิศวกรคนดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากเป็น 1 ใน 4 คนของประเทศอิหร่านในเวลานี้” แหล่งข่าวความมั่นคงกล่าวเพิ่มเติม

          อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า ผู้ก่อการร้าย 2 คนถูกจับกุมได้ ณ จุดใด แต่บอกได้เพียงว่า จับกุมได้ในแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐและอิสราเอลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะกลุ่มก่อการร้ายที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่บุคคล 2 สัญชาติเป็นหลัก จึงได้ไปกบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อวางแผนโจมตี

          ขณะที่ผลการสอบสวนและสถานที่ในการควบคุมตัวก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้เช่นกัน เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินกรรมวิธีในการสอบสวนทั้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ตำรวจสันติบาล สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) และเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอิสราเอล ที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้มาโดยตลอด

          อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ข่าวการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นผลดีต่อประเทศไทยเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองของตน ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย รวมไปถึงอิสราเอล

          นับจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ประเทศไทยก็หวังว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเติมโต เพราะอยู่ในช่วง "ไฮซีซั่น" ช่วงที่นักท่องเที่ยวจะแห่กันเข้ามา

          แต่เมื่อมีเจอกับข่าวนี้ ผลร้ายจึงเกิดขึ้นกับประเทศไทยโดยตรง แม้ว่ากัมปนาทของระเบิดจะยังไม่ดังขึ้นแม้แต่ลูกเดียว ต่างจากสหรัฐอเมริกา-อิสราเอล ที่ตีปลาหน้าไซจนไทยดังไกลไปทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่เสี่ยงต่อภัยก่อการร้าย

 

......................

(หมายเหตุ : รายงานพิเศษ : 'สหรัฐ-อิสราเอลตีปลาหน้าไซ ไทยกระฉ่อนเสี่ยงก่อการร้าย' โดย ทีมข่าวความมั่นคง)