ข่าว

รองโฆษกอัยการฯ เผยเหตุสั่งฟ้องชัยวัฒน์ - ลูกน้อง ข้อหาเดียว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทนายชัยวัฒน์ เผย 3 กุมภาพันธ์ ไปรายงานตัวครบฝากขังสุดท้าย ยังไม่รู้ผลสั่งคดีบิลลี่ รองโฆษกอัยการ เตรียมตั้งโต๊ะแถลงสั่งฟ้อง ม.157 ข้อหาเดียว

 

               24 มกราคม 2563 เมื่อเวลา 15.30 น.  นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษสำนักงานคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการสั่งคดี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี 2551 - 2557 กับลูกน้อง 3 คน ตกเป็นผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก - บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 ว่า

 

 

 

               จากที่ได้ประสานไปยัง นายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ตรวจสอบข้อมูลการสั่งคดีทราบว่า อัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ ในรูปแบบคณะทำงานของอัยการ ได้พิจารณาพยานหลักฐานจากสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้วในสำนวนยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดๆ ว่า นายชัยวัฒน์กับลูกน้องได้ฆ่านายบิลลี่ ที่ไหน โดยวิธีการอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ด้วยเช่นกันว่านายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งระหว่างที่อ้างว่านายบิลลี่ถูกกลุ่มของนายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนั้น ฝ่ายภรรยาของนายบิลลี่ก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ปล่อยตัวนายบิลลี่ที่อ้างว่าถูกจับกุมเรื่องเก็บน้ำผึ้งป่า

 

 

 

               โดยการยื่นคำร้องครั้งนั้นผลเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้วที่ให้ยกคำร้อง เนื่องจากมีพยานเห็นว่านายบิลลี่ได้ออกมาแล้ว สำหรับพยานหลักฐานที่อ้างเป็นกระดูกของนายบิลลี่ซึ่งมีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว DNA ตรงกันกับนายบิลลี่นั้น ก็เป็นการตรวจสารพันธุกรรมพิสูจน์บุคคล แต่เมื่อในสำนวนยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ที่เพียงพอว่านายบิลลี่เสียชีวิตแล้วหรือไม่อย่างไร คณะทำงานอัยการจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์และลูกน้องในข้อหาร่วมกันฆ่าฯ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องเพียงข้อหาเดียวฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีที่นายชัยวัฒน์เมื่อจับกุมนายบิลลี่ที่อ้างว่าเก็บน้ำผึ้งป่าแล้วไม่ดำเนินคดี โดยในส่วนของกลุ่มลูกน้องนายชัยวัฒน์ก็ให้สั่งฟ้องในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ซึ่งข้อหานี้กฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้จำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

รองโฆษกอัยการฯ เผยเหตุสั่งฟ้องชัยวัฒน์ - ลูกน้อง ข้อหาเดียว

 

 

 

นายประยุทธ เพชรคุณ

 

 

 

               นายประยุทธ รองโฆษกอัยการฯ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนจากนี้ อัยการก็ได้ส่งสำนวนกลับไปให้ดีเอสไอ พร้อมแจ้งความเห็นสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าจะเห็นแย้งความเห็นของคณะทำงานอัยการนี้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหากดีเอสไอยืนยันให้ฟ้องทุกข้อหาตามที่แจ้งในสำนวน ก็ต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

               อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ในรายละเอียด ตนได้เตรียมแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม นี้ ณ อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ในเวลา 10.00 น.

 

 

 

รองโฆษกอัยการฯ เผยเหตุสั่งฟ้องชัยวัฒน์ - ลูกน้อง ข้อหาเดียว

 

 

 

นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ

 

 

 

               นายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ให้สัมภาษณ์ถึงการสั่งคดีของอัยการว่า ในส่วนของกลุ่มนายชัยวัฒน์ยังไม่ได้รับแจ้งผลคำสั่งคดีจากพนักงานอัยการ โดยที่ผ่านมาทราบเพียงว่าจะนัดสั่งคดีในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย โดยในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายชัยวัฒน์ก็จะไปรายงานตัวที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตามขั้นตอนการฝากขัง ซึ่งหากอัยการสั่งฟ้องก็เข้าใจว่าจะยื่นฟ้องกลุ่มนายชัยวัฒน์ในวันดังกล่าว

 

 

 

               ทั้งนี้ ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตนก็จะเดินทางไปศาลกับนายชัยวัฒน์ด้วยในเวลา 09.00 น. เพราะหากอัยการยื่นฟ้องในวันดังกล่าวก็ต้องเตรียมพร้อมเรื่องหลักทรัพย์การประกันตัวในชั้นฟ้อง เพราะยังไม่ทราบว่าถ้าฟ้องจะข้อหาใด จะต้องเพิ่มหลักทรัพย์หรือไม่อย่างไร ซึ่งในชั้นฝากขังที่ผ่านมาเราได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 800,000 บาท ในการขอประกันตัว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.ทสจ.ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผู้ต้องหาที่ 1 , นายบุญแทน บุษราคำ พนักงานพิทักษ์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ผู้ต้องหาที่ 2 (เมื่อเดือนกันยายน 2562 มีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการ สบอ.4 สาขาสุราษฎร์ธานี) ,

 

 

               นายธนเสฏฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ พนักงานพิทักษ์ป่า สบอ.3 (เมื่อเดือนกันยายน 2562 มีคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการ สบอ.1 สาขาสระบุรี) ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ลูกจ้างชั่วคราว ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐาน 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดการกระทำอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2. ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายฯ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3. ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอม หรือยอมจะให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายฯ

 

 

 

               4. ร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดฯ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 5. ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางศพ หรือสภาวะแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไฟ 6. ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต 7. ร่วมกัน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น 8. ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

 

 

 

               ซึ่งชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ขณะที่ในชั้นของอัยการ นายชัยวัฒน์ก็ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอในการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการตั้งประเด็นตั้งข้อสงสัยในวัตถุพยาน เช่น กระดูกที่ตรวจพบจากแม่น้ำด้วย

อ่านข่าว - คาด ดีเอสไอ นัดประชุมทำความเห็นแย้งคดี บิลลี่

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ