ข่าว

ไม่มีน้ำใจ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่มีน้ำใจ คอลัมน์...  เปิดซองส่องไทย  ร้องทุกข์กับลุงแจ่ม


 


          จากกรณีที่มีคนแจ้งเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องคดีที่ทำไมถึงไม่มีความคืบหน้า และได้เล่าเหตุการณ์ให้ลุงแจ่มฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 30 มีนาคม 2562 เวลาประมาณ 02.30 น. ครอบครัวเดินทางจากกรุงเทพฯ ไป จ.ยโสธร โดยมีพี่ชายเป็นคนขับรถ ระหว่างทางช่วง จ.สุรินทร์ บริเวณ กม.10 ถนนสุรินทร์-ปราสาท ขณะวิ่งรถอยู่เลนขวา ก็มีรถที่ขับสวนเลนมา ขับตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด คนขับหักหลบฝ่ายของคู่กรณี แต่หักหลบไม่พ้น ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนด้านข้างฝั่งคนขับอย่างแรง จนทำให้รถพลิกคว่ำ 

 


          แต่คู่กรณีซึ่งขับรถกระบะอีซูซุสีแดง ทะเบียน บฉ 9979 ศรีสะเกษ ก็ขับรถหลบหนีไปแต่ไปได้ไม่ไกลจากจุดที่เกิดเหตุ แล้วจอดทิ้งรถหลบหนีไปเนื่องจากล้อเบี้ยวและหม้อน้ำแตกไม่สามารถขับต่อไปได้ จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาด เจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 4 ราย และนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำหวัดสุรินทร์ โดยตำรวจจาก สภ.เมืองสุรินทร์ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แล้วได้ลากรถทั้ง 2 ฝ่ายไปเก็บไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ กระทั่งวันที่ 21 เมษายน 2562 ได้เดินทางไปที่ สภ.สุรินทร์ อีกครั้งเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี แต่ร้อยเวรแจ้งว่าค้นหาจากเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว “เจ้าของรถชื่อ นายลิขิต บุญปลิว เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2558 น่าจะติดตามตัวยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร” 


          แต่หลังจากตำรวจพาเข้าไปดูรถที่เกิดเหตุพบสมุดเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส. และเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อและที่อยู่เป็นของนายสุรินทรา บุญปลิว ซึ่งมีนามสกุลตรงกับเจ้าของรถที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงคิดว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกัน และเมื่อเช็กจากสำเนาผู้ครอบครองรถพบว่าที่อยู่ของเจ้าของรถอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจกลับไม่ดำเนินการทางคดีใดๆ เลย ทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเจ้าทุกข์โทรกลับไปสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีอีกครั้ง ร้อยเวรขอให้เจ้าทุกข์ยอมรับว่ามีความผิดร่วมกันซึ่งมีความขัดแย้งกับความเป็นจริงเป็นอย่างมาก 
ลิขิต


 

 

 

ตอบ
          ทีมงานลุงแจ่มได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง สภ.เมืองสุรินทร์ กับ สภ.สวาย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ได้สอบสวนและสรุปสำนวนส่งให้อัยการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอัยการได้ส่งสำนวนกลับมาให้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุให้แน่ชัดว่าเป็นอำนาจสอบสวนของท้องที่ใด และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ปรากฏว่าเป็นเขตอำนาจสอบสวนของสภ.สวาย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ จึงได้มอบสำนวนให้แก่ สภ.สวาย ดำเนินการต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 

 

          เจ้าทุกข์ที่ประสบเหตุได้แจ้งกลับมายังลุงแจ่มว่า คู่กรณีมีการติดต่อมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจภูธรสวาย จ.สุรินทร์ แล้ว โดยตัวของเจ้าทุกข์เองได้มีการพูดคุยกับฝ่ายคู่กรณีแล้ว และมีการพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2562 และได้สอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้น และเจ้าทุกข์ก็ได้พูดคุยถึงเรื่องของเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ทำไมตัวของคู่กรณีไม่ลงมาช่วยเหลือทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุในวันนั้น เพราะหลังจากประสบอุบัติเหตุ คู่กรณีก็หลบหนีไป 


          โดยไม่ได้เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 คน ฝ่ายคู่กรณีก็กล่าวขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และด้านเจ้าทุกข์เองได้พูดถึงการรักษาตัวของทางเจ้าทุกข์เองว่าได้เข้ารักษาตัวถึง 3 โรงพยาบาลด้วยกัน โดยระหว่างนั้นก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับการรักษาพยาบาลของทั้ง 7 คน  และมี 1 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากเส้นเอ็นที่นิ้วมือขาด และตัวของเจ้าทุกข์ได้เรียกร้องกับคู่กรณีว่า ขอให้คู่กรณีช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่จะผ่าตัดศัลยกรรมมือของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยโรงพยาบาลประเมินค่ารักษาในครั้งนี้ประมาณ 180,000 บาท และตัวของเจ้าทุกข์ขอให้ฝ่ายคู่กรณียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องเงินค่ารักษาบ้าง 


          เพราะตลอดระยะเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น ตัวของเจ้าทุกข์ได้รับความเดือดร้อนและได้รับความเสียหายไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นรถ ทรัพย์สินที่เสียหายไปในวันนั้น โดยหลังจากที่ได้พูดคุยกับคู่กรณีแล้ว คู่กรณีได้ยื่นเงินเสนอให้เจ้าทุกข์เป็นจำนวนเงินเพียง 50,000 บาทเท่านั้น โดยตัวเจ้าทุกข์เองไม่พึงพอใจเงินจำนวนนี้ เพราะผู้เสียหายไม่เคยเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายใดๆ เลยจากฝ่ายคู่กรณีตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และเจ้าทุกข์ได้แจ้งว่าถ้าหากคู่กรณีไม่ยื่นเงินชดเชยตามที่เรียกร้องไปก็จะดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ