ข่าว

ทุก 40 วินาที  มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

ทุก 40 วินาที มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

14 ต.ค. 2562

ทุก 40 วินาที มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย   โดย...  ทีมข่าวอาชญากรรม

 


 


          องค์การอนามัยโลก หรือ ฮู ได้กำหนดวันที่ 10 กันยายน ของทุกปีให้เป็น “วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก (World Suicide Prevention Day)” และมีรายงานการจัดอันดับประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก ประจำปี 2562 ที่สำรวจและพิจารณาข้อมูลการฆ่าตัวตายขององค์การอนามัยโลกปี 2561 ทั้งหมด 183 ประเทศ โดยพบว่าทุก 40 วินาที มีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย และ “ประเทศไทย” มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงติดอันดับ 32 ของโลก เฉลี่ย 14.4 คนต่อประชากร 1 แสนคน

 

 

          สถานการณ์การฆ่าตัวตายในประเทศไทยในปี 2561-2562 หากเปรียบเทียบตัวเลขรอบ 6 เดือน พบอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในปี 2561 รอบ 6 เดือนแรกมีสัดส่วน 3.14% ต่อประชากร 1 แสนคน ส่วนรอบ 6 เดือนหลัง 3.18% ต่อประชากร 1 แสนคน และในปี 2562 รอบ 6 เดือนแรก อยู่ที่ 3.08% ต่อประชากร 1 แสนคน เฉลี่ยประมาณ 11-12 รายต่อวัน และส่วนใหญ่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 45 ปี โดยเป็นเพศชาย 80.4% ซึ่งปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการฆ่าตัวตาย ในปี 2561-2562 พบเป็นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ 53.04%, ปัญหาจากสุรา 29%, โรคทางกาย 25.7, ปัญหาด้านเศรษฐกิจ 19%, โรคทางจิต 12% และโรคซึมเศร้า 7.8% โดยการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นในบ้านเรามีมากมายหลายเหตุการณ์ อาทิ รมควัน โดดที่สูง ยิงตัวเอง ผูกคอ ฯลฯ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวให้เห็นแทบทุกวัน


          ทว่าเมื่อวันที่ 25 กันายน ที่ผ่านมา ข่าวการฆ่าตัวตายของ “เหม” ภูมิภาฑิต นิตยารส ดารา-นักแสดงอิสระคนดังในวงการบันเทิงที่ผูกคอตัวเองในคอนโดแห่งหนึ่งย่านบางเขน ถูกนำเสนอเป็นข่าวใหญ่คึกโครม หลังจากนั้นหลายฝ่ายได้หยิบยกให้เป็นกรณีศึกษา โดยเฉพาะ กรมสุขภาพจิต มีความเป็นห่วงผู้ที่มีความเสี่ยงอยากฆ่าตัวตาย


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต บอกว่า ตามที่มีการเสนอข่าวระบุก่อน “เหม” เสียชีวิต ได้มีการโพสต์ข้อความเป็นลางบอกเหตุในโลกโซเชียล ด้วยเหตุนี้ทางกรมสุขภาพจิตมีความเป็นห่วงผู้ที่มีความเสี่ยงอยากฆ่าตัวตายโดยการส่งสัญญาณเตือนผ่านการเขียนระบายในรูปแบบของข้อความหรือการโพสต์ลงในสื่อโซเชียล จึงขอแนะนำให้คนใกล้ชิด ครอบครัว หรือคนรอบข้าง ให้ช่วยกันสังเกต 5 สัญญาณเตือน การเสี่ยงฆ่าตัวตายในโลกโซเชียล เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายในสังคมไทย คือ 1.การโพสต์ข้อความสั่งเสียเป็นนัยๆ เช่น ขอบคุณ ขอโทษ ลาก่อน 2. โพสต์ข้อความพูดถึงความตาย หรือไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว 3.โพสต์ข้อความว่า ตนเองรู้สึกผิด รู้สึกตนเองล้มเหลว รู้สึกหมดหวังในชีวิต 4.โพสต์ข้อความพูดถึงความเจ็บปวด และ 5.โพสต์ข้อความว่าตนเองเป็นภาระของผู้อื่น




          “การส่งสัญญาณเตือนเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเมื่อเห็นสัญญาณเตือนเหล่านั้น สิ่งที่เราทุกคนควรปฏิบัติ คือ 1.แสดงความเต็มใจช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำอย่างจริงใจ 2.ยอมรับว่าสิ่งที่โพสต์นั้นเป็นปัญหาของเขาจริงๆ 3.ให้กำลังใจ สร้างความหวัง ให้เห็นว่าปัญหาสามารถแก้ไขและผ่านไปได้ 4.พิมพ์ข้อความให้คำปรึกษา ปลอบใจให้มีสติค่อยๆ คิดหาทางแก้ไขปัญหา 5.ชักชวนให้ออกมาทำกิจกรรมข้างนอก อย่าให้อยู่ลำพังคนเดียว 6.ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ให้บอกญาติเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด 7.แนะนำช่องทางในการให้คำปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือคลินิกให้คำปรึกษา และ 8.ติดต่อหาแหล่งช่วยเหลือในพื้นที่เท่าที่จะทำได้” อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบาย


          นพ.เกียรติภูมิ บอกด้วยว่า สำหรับวิธีการป้องกันการฆ่าตัวตายโดยทั่วไปขอให้คอยสังเกตสัญญาณเตือนคนรอบข้าง หากพบว่ามีอาการเศร้า หดหู่ เบื่อ เซ็ง แยกตัว คิดวนเวียน นอนไม่หลับ มองโลกในแง่ลบ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ มีความคิดอยากตาย หมดหวังในชีวิต ซึ่งเป็นอาการบ่งบอกของโรคซึมเศร้าและเป็นสัญญาณเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายให้รีบเข้าไปพูดคุยช่วยเหลือพร้อมรับฟัง เพียงแค่เรารับฟังกันและกันอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสิน ให้ได้พูดคุยระบายความรู้สึกคลายความทุกข์ในใจจะทำให้เกิดกำลังใจ ความสบายใจ สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ เพราะการรับฟังนั้นเป็นพลังที่ดีที่สุด