บช.น.สั่งเฝ้าจุดเสี่ยง หวั่นศึกแก้แค้นนักเรียนต่างสถาบัน

          จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุยิงนักเรียนอาชีวะยิงคู่อริเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณแยกไฟแดง ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ก่อนตัดเข้า ถ.เพชรเกษม และสามารถจับผู้ก่อเหตุได้หลังเกิดเหตุไม่นาน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

          วันที่ 22 พ.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รอง ผบช.น. ดูแลงานป้องกันปราบปราม เปิดเผยถึงมาตรการดูแลกรณีทะเลาะวิวาทของเด็กนักเรียนว่า ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดเทอมได้มีการเรียกประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับคณะครูอาจารย์ของสถาบันต่างๆ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่สน.ที่มีสถาบันที่เสี่ยงต่อการก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันหรือเป็นคู่กรณีเดิม อาทิเช่น พื้นที่บก.น.3 บก.น.4 บก.น.6 มาพูดคุยเตรียมความพร้อมวางมาตรการป้องกันการยกพวกตีกันของแต่ละสถาบันแล้ว ขอความร่วมมือให้ข้อมูลประวัติของนักเรียนกลุ่มเสี่ยงที่เข้าอยู่ภายในสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นหัวโจกเคยมีประวัตินำเพื่อนก่อเหตุทะเลาะวิวาทส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้จะมีการขอข้อมูลการตรวจสอบนักเรียนที่พกพาอาวุธต่างๆ เพื่อกำหนดแผนมาตรการในการสุ่มตรวจสอบภายในสถาบัน โดยจะเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะลงพื้นที่หารือในการแก้ไขปัญหาด้วยการให้ความรู้หรือการอบรม เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น

          ส่วนจุดที่มักมีการรวมตัวหรือเกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งนั้น พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสุ่มตรวจในสถาบันต่างๆ ที่เคยมีเหตุเกิดขึ้น โดยครูอาจารย์ของสถาบันและเจ้าหน้าที่ตำรวจ การวางกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลที่รับผิดชอบลงไปตรวจสอบตามช่วงเวลาเสียงต่างๆ ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง แต่กรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นเหตุที่เกิดขึ้นแล้วผิดไปจากที่มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีการยกพวกมาก่อเหตุข้ามสถาบันและเขตกองบังคับการ เนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนตามสถาบันต่างๆ และออกไปก่อเหตุด้วยความคึกคะนองไม่ใช่ความบาดหมางระหว่างสถาบันเหมือนกรณีอื่นๆ จึงทำให้ผิดจากแผนที่วางมาตรการไว้ 

          ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีการแก้แค้นกันระหว่างสถาบันของนักเรียนที่เสียชีวิต กับกลุ่มของนักเรียนที่ก่อเหตุ พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการสั่งการให้สน.พื้นที่ของทั้งสองสถาบันเฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ รีบให้ประสานข้อมูลการข่าวกับอาจารย์ของแต่ละสถาบันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบแนวโน้มพฤติการณ์พบว่าจะมีกลุ่มนักเรียนที่จะยกพวกทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายกันจะมีการเปลี่ยนไปในลักษณะแบบนี้ในอีกหลายพื้นที่ โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกอาจารย์ของสถาบันต่างๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจของทุกพื้นที่สนมาประชุมพูดคุยเพื่อวางมาตรการการป้องกัน ใหม่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก.