ข่าว

"กรมชลฯ"จับมือประชาคม"คลองวังโตนด" กางแผนดูแล"ช้างป่า"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด" จังหวัดจันทบุรีอยู่ในกระบวนเตรียมข้อมูลเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโครงการภายใต้แนวทางฟื้นฟูและป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

"อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด"จังหวัดจันทบุรีอยู่ในกระบวนเตรียมข้อมูลเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโครงการภายใต้แนวทางฟื้นฟูและป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

 

โดยหนึ่งในนั้นมีแนวปฏิบัติที่จะดูแลผลกระทบต่อ"ช้างป่า"แห่งลุ่มน้ำวังโตนดที่กรมชลประทานจะต้องจับมือกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

นายเฉลิมเกียรติ  คงวิเชียรวัฒน์  รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่หารือกับประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำวังโตนดและร่วมกันติดตามพฤติกรรมช้างป่าในพื้นที่ลุ่มน้ำบริเวณอ่างเก็บน้ำแก่งหางแมวซึ่งเป็นอ่างที่กำลังก่อสร้างในลุ่มน้ำเดียวกันเพื่อใช้ประกอบแนวทางแก้ไขผลกระทบและช่วยเหลือตามแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIMP)

 

"กรมชลฯ"จับมือประชาคม"คลองวังโตนด" กางแผนดูแล"ช้างป่า"

 

ซึ่งกรมได้นำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.)รวม 38 แผนงานแยกเป็นแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม 19 แผนงานและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมรวม 19 แผนงาน

 

ซึ่งทั้งหมดกรมชลประทานจะสนับสนุนงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแผนฟื้นฟูระยะเวลาติดตามโครงการ 15 ปี

 

"กรมชลฯ"จับมือประชาคม"คลองวังโตนด" กางแผนดูแล"ช้างป่า"

 

ทั้งนี้อ่างมีความจุ 99.5 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ใช้พื้นที่ป่า14,600 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนซ่อง 7,097 ไร่ และในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น 7,503 ไร่

 

เบื้องต้นจะลดการใช้พื้นที่สำหรับเป็นพื้นที่บริหารโครงการจาก 1,850 ให้เหลือประมาณ 500-800 ไร่ในส่วนของการฟื้นฟูสภาพป่าไม้และดูแลสัตว์ป่าโดยจัดสรรงบประมาณให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ปลูกป่าทดแทนและดูแลรักษาป่าในพื้นที่อนุรักษ์ 29,200 ไร่ปลูกพืชอาหารสัตว์ การส่งมอบคืนพื้นที่ป่าอนุรักษ์และกำหนดจุดสร้างฝายดักตะกอน

 

“มาตรการและแผนปฏิบัติการฯกรมอุทยานฯเป็นผู้กำหนดจุดที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่า การก่อสร้างแหล่งน้ำเล็กๆ และแหล่งน้ำสำรองสำหรับสัตว์ป่าให้กระจายเป็นจุดๆอย่างน้อย5 จุดทางตอนบนของอ่างระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้นกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนย ปลูกต้นไม้พืชอาหารสัตว์ ไม้ดั่งเดิม ไม้ท้องถิ่น ไม้ป่ามีผล กระจายทั่วทางด้านเหนือตะวันออกและตะวันตกของโครงการเพื่อให้สัตว์ป่ากระจายตัว การสร้างหน่วยพิทักษ์อุทยาน  การสร้างแนวรั้วป้องกันช้างออกนอกพื้นที่อุทยานนอกจากนั้นในบริเวณขอบอ่างที่มีความชัน กรมชลฯจะมีการปรับให้มีความลาดลงเพื่อให้สัตว์ป่าลงมากินน้ำได้อย่างปลอดภัย “

 

"กรมชลฯ"จับมือประชาคม"คลองวังโตนด" กางแผนดูแล"ช้างป่า"

 

นายมหิทธิ์ วงศ์ษา ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักบริหารโครงการ  กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดมีรูปทรงเป็นกระทะเหมือนอ่างเก็บน้ำคลองประแกดซึ่งในฤดูแล้งพบว่าจะมีสัตว์ป่าและช้างป่า ลงมากินน้ำที่อ่างเก็บน้ำคลองประแกดอยู่เสมอทุกปี

 

ดังนั้นก็คาดว่าในอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดหากสร้างเสร็จจะกลายเป็นแหล่งน้ำให้กับช้างและสัตว์ป่าในพื้นที่เพิ่มเติมได้อีกจุดหนึ่ง และในแต่ละปีจะมีช่วงที่น้ำเยอะประมาณ 5-6 เดือน และในห้วงเวลาที่เหลือระดับกักเก็บน้ำจะเริ่มลดลง ทำให้พื้นที่หากินของสัตว์ขยายเพิ่มมากขึ้นสลับกันไป

 

ทั้งนี้เนื่องจากกรมได้เก็บข้อมูลน้ำในรอบ 30 ปีและทำรูปแบบการบริการจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนดพบว่าระดับน้ำกักเก็บในอ่างเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 65.6 ล้านลบ.ม.จะมีพื้นที่น้ำท่วมในอ่างสูงสุดประมาณ 4,479  ไร่ในช่วงเดือนต.ค- ก.พ. พื้นที่หากินของสัตว์ป่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,494 ไร่  

 

"กรมชลฯ"จับมือประชาคม"คลองวังโตนด" กางแผนดูแล"ช้างป่า"

 

ในขณะที่เดือนที่เหลือจะมีพื้นที่น้ำท่วมเฉลี่ย 1,800 – 2,200 ไร่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง เม.ย.-ก.ค. จะมีน้ำกักเก็บประมาณ 12 -7.4 ล้านลบ.ม.พื้นที่น้ำท่วมประมาณ 500-800 ไร่เท่านั้น ทำให้พื้นที่หากินของสัตว์ป่าจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 5,553 ถึง 6,800 ไร่  และในพื้นที่อ่างจะมีพืชอาหารสัตว์เติบโตขึ้นอีกด้วย

 

ผศ.เจริญ ปิยารมย์ ประธานคณะทำงานลุ่มน้ำคลองวังโตนด กล่าวว่าพร้อมสนับสนุนกรมชลประทานในการขับเคลื่อนโครงการอย่างเต็มที่เพราะคนในลุ่มน้ำนี้ต่อสู้และรอมานาน

 

ดังนั้นจะให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการนี้ อีกทั้งพร้อมทำความเข้าใจกับภาคส่วนอื่นทั้งเรื่องป่าไม้และช้างป่า ซึ่งกรณีเรื่องช้างป่านั้นทางกลุ่มลุ่มน้ำวังโตนดพร้อมที่จะต้อนรับทุกคนที่ต้องการลงมาดูพื้นที่จริง

 

นายเดช จินโนรส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนซ่อง อ.ท่าใหม่ กล่าวว่าตนเองอยู่ในพื้นที่มา30 ปีเดิมทีไม่ค่อยมีช้างออกมาเพราะป่าสมบูรณ์

 

ต่อมามีการให้สัมปทานมีการลากไม้สำคัญไปหมดจนป่าเสื่อมโทรมและคนเริ่มเข้ามาทำกินและในลุ่มน้ำวังโตนดเริ่มแห้งแล้งเพราะไม่มีที่เก็บน้ำน้ำมาก็ไหลลงทะเล ช้างก็เริ่มออกมาใกล้คนมากขึ้นมีอันตรายทั้งคนทั้งช้าง

 

ดังนั้นแนวทางที่มีการวางไว้คือการสร้างแหล่งน้ำ แหล่งอาหารในป่าและแนวกันช้าง ก็น่าจะเป็นมาตรการที่เหมาะสมและคนในชุมชนพร้อมที่จะช่วยกันฟื้นฟูป่าและช้างในระยะต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ