โดย - สุรัตน์ อัตตะ [email protected]
ต่อจากเสาร์ที่แล้ว
“เซี่ยงไฮ้จะเปลี่ยนเล็กในทุก 1 ปีจะเปลี่ยนใหญ่ในทุก ๆ 3 ปี”
คำยืนยันจาก“ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร” รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีนแก่คณะสื่อมวลชนไทยระหว่างเยือนมหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อต้นเดือนก่อน เซี่ยงไฮ้วันนี้เติบโตรวดเร็วมากเกือบจะไม่มีรอยเค้าเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน
ตัวเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าทั้งสองฟากฝั่งของแม่น้ำแยงซี เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนของจีน เป็นแหล่งรวมของธนาคารทั้งของจีนและต่างชาติมากกว่า 200 บริษัท เป็นมหานครที่มีจีดีพี(GDP)เติบโตสูงสุดของจีนและมากกว่าของไทยทั้งประเทศ
ตึกระฟ้าในมหานครเซี่ยงไฮ้
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รัฐบาลจีนได้พยายามสร้างมหานครเซี่ยงไฮ้ให้เป็นเมืองต้นแบบของโลกในทุก ๆ ด้าน ไม่เพียงแต่การจัดระเบียบเมืองที่มีการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ ไม่เพียงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาจับในการควบคุมการจราจรแก้ปัญหารถติด แต่ยังมีการจัดระเบียบสังคมโดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกมิติ ถือเป็นอีกเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก
"การเดินทางไปไหนมาไหนในตัวเมืองเซี่ยงไฮ้วันนี้ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน จะคนเดียวหรือหลายคน คุณเดินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย ดิฉันเดินไปกลับทุกวันระหว่างที่พักกับสำนักงาน บางวันก็กลับดึก เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองหน้าด่านต้อนรับชาวต่างชาติ รัฐบาลจีนได้พยายามสร้างเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองต้นแบบในทุก ๆ ด้าน รวมถึงความปลอดภัย อาชญากรรมต้องเป็นศูนย์" ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์" กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ฉายภาพการเติบโตของมหานครแห่งนี้
ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์" กงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
จึงไม่แปลกที่จีนใช้เซี่ยงไฮ้จัดงานใหญ่ระดับโลกอยู่บ่อยครั้งเพื่อดึงนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วโลกให้มาเยือนมาสัมผัสความทันสมัยและความยิ่งใหญ่ของจีนในทุก ๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและความเป็นระเบียบของเมือง
โดยเฉพาะปัญหาจราจร เซี่ยงไฮ้ไม่ต่างจากเมืองใหญ่อื่น ๆ ที่สภาพการจราจรติดขัดแน่นทั้งวัน ส่งผลให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการจูงใจด้านภาษีให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรืิออีวีมากขึ้น
"เซี่ยงไฮ้วันนี้รัฐบาลมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาเพื่อลดสภาพการจราจรแออัด เช่น จำกัดจำนวนรถด้วยการกำหนดให้วิ่งคี่วันคู่ตามหมายเลขทะเบียนหรือรณณงค์ให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดปัญหามลพิษจากท่อไอเสีย เช่นถ้าใครใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะจ่ายภาษีปีละไม่กี่พันบาท แต่ถ้ารถใช้นำมัน บางคันค่าภาษีแพงกว่าตัวรถอีก
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยการใช้รถใช้ถนน รถทุกคันจะต้งอจอดหลังทางม้าลายเท่านั้นไม่เช่นนั้นจะถูกตัดแต้มครั้งละ 3 แต้ม ครบ 12 แต้มเมื่อไหร่ยึดใบขับขี่ทันที ใครโดนยึดใบขับขี่จะต้องใช้เวลาเรียนทุกวันเสาร์จนครบ 1 ปีจึงจะสอบใหม่ได้ หากขาดเรียนครั้งเดียวจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่"
รายละเอียดเกี่ยวกับการจราจรในมหานครเซี่ยงไฮ้ที่"ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร" นักวิชาการเชี่ยวชาญด้านจีนศึกษา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบรรยายให้ฟังบางช่วงบางตอนในโครงการ“มองจีนยุคใหม่ที่สื่อไทยควรรู้ปีที่2” ส่วนผู้ใช้ถนนนั้นก็จะมีการจัดระเบียบเช่นกัน โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสแกนผู้คนข้ามถนน โดยทุกคนจะต้องข้ามถนนตรงทางม้าลายเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นแล้วจะมีความผิดถูกลงโทษปรับเช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นจะถูกลดเครดิตจากโซเซียล เครดิต สกอร์ที่เริ่มมีการบังคับใช้กับคนจีนในบางเมืองบางมณฑลแล้วในขณะนี้
"ถ้าคุณไปเซียงไฮ้วันนี้คุณจะไม่ได้ยินเสียงแตรรถยนต์เลย เงียบมาก เพราะการบีบแตรมันผิดกฎหมาย ยกเว้นกรณีจำเป็นจริง ๆ ส่วนคนข้ามถนน ถึงแม้จะข้ามตรงทางม้าลาย แต่จะต้องข้ามตอนมีไฟเขียวให้คนข้ามเท่านั้น แต่ถ้าคุณข้ามขณะมีไฟแดง ทุกคนจะเห็นคุณในจอภาพขนาดใหญ่ที่ติดตั้งในทุกสี่แยกไฟแดงเพื่อประจานคุณไง"ดร.อาร์มให้ข้อมูล
กองบก.สำนักข่าวเซี่ยงไฮ้ มีเดีย กรุ๊ป
หลังเสร็จสิ้นการสำรวจเมืองในฝันหรือดรีมทาวน์แหล่งรวมสตาร์ทอัพของจีนในเมืองหางโจว จากนั้นขึ้นรถไฟความเร็วสูงสู่มหานครเซี่ยงไฮ่ ระยะทางจากหางโจวถึงเซี่ยงไฮ้ประมาณ 417 กิโลเมตร เราใช้เวลาเดินทางไประมาณ 45 นาที ก่อนข้าสู่โรงแรมที่พักอย่างทุลักทุเลด้วยความเหนื่อยล้า
เช้าวันต่อมามีกำหนดเข้าเยี่ยมสถานกงสุล ณ นครเซี่ยงไฮ้ และทันทีที่ไปถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากท่านกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ พร้อมทีมไทยแลนด์
ประกอบด้วย อารีย์ งามศิริพัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจการลงทุน หรือ BOI ประจำนครเซี่ยงไฮ้ และ จีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำนครเซี่ยงไฮ้ และให้ข้อมูลแก่คณะสื่อมวลชนไทย
คณะสื่อมวลชนไทยฟังบรรยายสรุปจากทีมไทยแลนด์ ณ นครเซี่ยงไฮ้
โดยกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ได้กล่าวถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จีนพัฒนาและเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะ 3 ปัจจัย คือ ผู้นำมีวิสัยทัศน์ รัฐบาลมีระบบบริหารจัดการดีมาก และ มีนโยบายเน้นสร้างคนด้วยการศึกษา ปลูกฝังความคิดรักชาติและรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม โดยปัจจุบันจีนเน้นสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และให้ความสำคัญอย่างมากกับศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ด้วยปัจจัยส่งเสริมสนับสนุนโดยภาครัฐ ทำให้จีนเติบโตและพัฒนารวดเร็วอย่างก้าวกระโดด จนก้าวเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
จากนั้นไปดูความทันสมัยในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการรายงานข่าวของสำนักข่าวเซี่ยงไฮ้หรือเชี่ยงไฮ้ มีเดีย กรุ๊ป(SMG)ที่ใช้หุ่นยนต์เอไอในการทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าว ฟังเรื่องราวกระบวนการทำข่าวจากพื้นที่สู่สาธารณชนที่มีความรวดเร็ว รอบด้านและมุ่งเน้นงานนโยบายรัฐเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ยังเยี่ยมชมศูนย์กลางระบบคอมพิวเตอร์ของมหานครเซี่ยงไฮ้ การก่อสร้างรถไฟใต้ดิน และบริษัท หัวเว่ย จำกัด สาขานครเซี่ยงไฮ้ ก่อนมาฟังบทสรุปภาพรวมจีนยุคใหม่จากรองประธานและเลขาธิการสภาหอการค้าไทยในจีน“ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร”ปิดท้ายก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง