เปิดประกันข้าวนาปีช้ารอรัฐบาลใหม่

แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า การเปิดโครงการประกันรายได้ข้าวนาปีรอบใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มได้เดือนมิถุนายนนี้คงต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการ และไม่มีคณะกรรมการนโยบายข้าวมาพิจารณากำหนดราคาประกัน โดยมองว่าหลังเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เรื่องนี้ก็น่าจะมีความสำคัญอันดับต้นๆ ที่รัฐบาลจะเร่งพิจารณา ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา เพราะกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตก็จะเป็นช่วงปลายปีพอดีโดยจะให้สามารถใช้สิทธิย้อนหลังได้

 ส่วนกรณีที่มีพรรคการเมืองนำนโยบายรับจำนำมาหาเสียงนั้น ไม่พบว่าทำให้เกษตรกรเกิดความสับสน โดยส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับการประกันรายได้และ ธ.ก.ส. ก็ยังคงจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาข้าวสำหรับข้าวนาปรังตามปกติ ซึ่งหากจะกลับมาใช้การจำนำก็สามารถทำได้เพียงต้องกำหนดหลักเกณฑ์กติกาให้ชัดเจนและแนวทางที่เหมาะสม เช่น การจำกัดประมาณและการกำหนดราคารับซื้อต้องไม่สูงกว่าตลาดมากเกินไป โดยหากจะให้กลไกลเดินไปได้เห็นว่าควรทำควบคู่กันไปมากกว่า

 “ที่น่าเป็นห่วงคือ การประกาศประกันราคาข้าวหอมมะลิที่ตันละ 2 หมื่นบาทนั้น จะเป็นการจูงใจให้เกษตรกรไม่มาไถ่ถอนข้าวไป เพราะเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากถึงตันละ 7,000-8,000 บาท เนื่องจากราคาในปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 1.3 หมื่นบาท และต้องดูว่าจะรับจำนำจำกัดปริมาณหรือไม่ หากไม่จำกัดก็จะต้องใช้เงินอย่างมาก เพราะเชื่อว่าเกษตรกรทั้งหมดกว่า 37 ล้านไร่ก็คงอยากขายในราคาดังกล่าว โดยวงเงินที่จะใช้เบื้องต้นก็น่าจะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาทเทียบกับการประกันรายได้อยู่ที่ปีละ 4 หมื่นกว่าล้านบาท” แหล่งข่าวกล่าว

 นอกจากนั้น โครงการรับจำนำจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นต้น ที่สำคัญต้องแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตทั้งการสวมสิทธิ และการสต็อกลม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและสูญเสียเม็ดเงินภาษีประชาชนไปโดยไม่เกิดประโยชน์กับชาวนาจริง โดยเฉพาะการนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาต่างกันมากที่ตันละ 7,000-8,000 บาทมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำ