ข่าว

วธ.ขึ้นทะเบียน“หมอลำ”มรดกภูมิปัญญาคู่“ส้มตำ”

วธ.ขึ้นทะเบียน“หมอลำ”มรดกภูมิปัญญาคู่“ส้มตำ”

06 มิ.ย. 2554

ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงของอีสาน ฉวีวรรณ ดำเนิน, เคน ดาเหลา, บุญเพ็ง ไฝผิวชัย และ ป.ฉลาดน้อยส่งเสริม จัดแสดงวัฒนธรรมอีสาน ให้เห็นว่า ความเป็นหมอลำของคนอีสานนั้น มีคุณค่าระดับประเทศ พร้อมประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยกรมส่งเสริมวัฒนธร

การขึ้นทะเบียนครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อปี 2522 ที่ได้ให้ความสำคัญกับศิลปะพื้นบ้านแขนงนี้ โดยการแสดงพื้นบ้านทั้ง 3 ประเภทนั้น สำหรับคนอีสานในยุคก่อนรู้ดีว่า คือสิ่งที่ขาดกันไม่ได้คือ "ส้มตำต้องกินกับข้าวเหนียวฉันใด หมอลำก็จะต้องคู่กับคนอีสานฉันนั้น"

 ศิลปินสาขาศิลปะการแสดงของอีสานหลายท่าน ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็น ฉวีวรรณ ดำเนิน, เคน ดาเหลา, บุญเพ็ง ไฝผิวชัย และ ป.ฉลาดน้อยส่งเสริม ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่า ความเป็นหมอลำของคนอีสานนั้น มีคุณค่าระดับประเทศ แต่ทุกวันนี้ศิลปินหมอลำดีๆ เด่นๆ เพื่อเฟ้นเข้าไปรับรางวัลยากเต็มที

 การประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาของกระทรวงวัฒนธรรมครั้งนี้ น่าจะเป็นการต่อลมหายใจให้แก่ "หมอลำ" จากแดนอีสาน ไม่ให้หายไปจากแผ่นดินที่ราบสูง แต่จะอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องฝากความหวังไว้กับคนรุ่นหลัง ที่จะกระโดดเข้ามาร่วมสืบสานมากน้อยเพียงใดด้วย

 ต้นแบบหมอลำกลอนที่โด่งดังที่สุดในยุคก่อนคือ "หมอลำทองเจริญ ดาเหลา" ในยุคต่อมา หมอลำกลอนที่คนรู้จักมากไม่แพ้กันคือ เคน ดาเหลา และฉวีวรรณ ดำเนิน ซึ่งทุกวันนี้ทั้งสองท่านได้ตระเวนแสดงเพื่อเป็นวิทยาทาน และสาธิตให้คนสนใจ พร้อมเปิดการแสดงอยู่เรื่อยๆ ตามแต่คนจะเรียกร้อง ซึ่งแฟนคลับส่วนใหญ่จะเป็นรุ่น 50 อัพขึ้นไป วัยรุ่นน้อยคนนักที่สนใจฟัง

 "ไม่อยากให้คนฟังมีเฉพาะคนแก่ อยากจะให้วัยรุ่นฟังด้วย หากวัยรุ่นหันมาสนใจหมอลำ ไม่ว่าจะเป็นลำอะไรก็ดีหมด เพราะอย่างน้อยอีสานจะได้มีคนสืบทอดศิลปะการแสดงแขนงนี้เอาไว้ แต่ถ้าหากวัยรุ่นเขาหันไปสนใจเพลง เกาหลี ญี่ปุ่น รับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามา รากเหง้าอีสานที่มีอยู่ที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ก็เลือนหายไป หากผู้ใหญ่ไม่สนใจที่จะถ่ายทอดแล้ว เด็กรุ่นใหม่เขาจะรับเอาสิ่งดีงามเหล่านี้ได้จากใคร" แม่ฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติตอกย้ำ

 โดยทุกวันนี้ กลุ่มหมอลำแดนอีสาน มีการรวมตัวกันก่อตั้งเป็น "ชมรมประชานุกูล" ขึ้นมา โดยพระครูสุวรรณประชานุกูล เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี ที่ชื่นชอบหมอลำโดยเฉพาะ และท่านเองเป็นคนรุ่นกลางๆ ที่ไม่อยากให้หมอลำอีสานหายไปจากแผ่นดิน

  ยุคสุดท้ายคือ ลำผญา ลำประเภทนี้ไม่มีผู้ศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์ แต่หากพิจารณาตามลักษณะแล้วอาจกล่าวได้ว่า น่าจะมีความเก่าแก่ร่วมสมัยกับหมอลำพื้นและหมอลำกลอน โดย ผญา คือ คำคม สุภาษิต หรือคำพูดที่เป็นปริศนา เป็นการพูดที่ต้องใช้ไหวพริบ สติปัญญา พูดสั้นแต่กินใจความมาก หมอลำผญานี้ไม่ค่อยแพร่หลายนัก แต่คนที่เป็นหมอลำผญาตัวจริงและสามารถสืบทอด พร้อมถ่ายทอดให้คนรุ่นลูกหลานได้ มีเพียง หมอลำผมหอม สกุลไทย จาก จ.มุกดาหาร คนเดียวเท่านั้น

 "แต่ก่อนเราก็เรียนลำกลอนจากแม่ครูบุญเพ็ง ไฝผิวชัย และได้ฝึกการเป็นหมอลำผญาย่อยหัวดอนตาล หมอลำภูไท ลำคอนสวรรค์ และลำตังหวายด้วยตนเอง และกลายเป็นว่า คนชอบที่เราลำผญาย่อยมากกว่า เพราะสนุก คือการเอาคำผญาโบราณมาพูดมาใส่ทำนองเป็นกลอนลำ แล้วต่อกลอนออกไปลักษณะแบบบรรยาย"

 เนื้อหาของผญากลอนอย่างเช่น เจ้าผู้ผักอีตู่เตี้ย ต้นต่ำใบดำ กกบ่ทันฝังแน่น สั่งมาจีจูมดอก ฮากบ่ทันยั่งพื้น สังมาปิ้นป่งใบ ซึ่งหมายถึง คนที่ยังไม่ทันโตเลย กลับแก่แดดเสียแล้ว อย่างนี้เป็นเรื่องคำสอน พอเอามาสอนเด็ก และอธิบายต่อเขาก็ชอบ และใน จ.มุกดาหาร เรียกว่า ไม่มีใครไม่รู้จักเรา การลำก็ลำทั้งคนเดียวและลำเป็นคู่

 "ทุกวันนี้ก็ได้ถ่ายทอดให้เด็กนักเรียน และลูกศิษย์ที่สนใจ เพราะอยากจะให้อนุรักษ์ไว้ ตอนนี้แม่ก็อายุ 53 ปีแล้ว อยากจะให้เวลาที่เหลือเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังที่อยากจะเรียน" หมอลำ ผมหอม บอกถึงการสืบทอดทายาททางหมอลำของเธอเอง และเธอเองแม้จะยังไม่ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ แต่อย่างน้อยก็ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินมรดกอีสานจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น

สุมาลี โพธิ์พยัคฆ์