
'มาร์ค'บุกพะเยารับ2ปีไม่กล้าขึ้นเหนือ
คนพะเยากรี๊ดรับ"อภิสิทธิ์"สนั่น หลังขึ้นภาคเหนือช่วย"ลูกพรรคปชป."หาเสียง ยอมรับ 2 ปีที่ผ่านมาไม่กล้าขึ้นเหนือ หวั่นสร้างปมขัดแย้งเพิ่ม แถมออกลูกอ้อนขอคนพะเยาดันเด็ก"ปชป."นั่งเก้าอี้ส.ส.ยกจังหวัด
(1มิ.ย.) ที่จ.พะเยา เมื่อเวลา 21.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางถึงเวทีปราศรัยบริเวณหลังสำนักงานเทศบาลเมืองพะเยา โดยนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นรถไถของประชาชนที่ได้ซื้อจากเงินส่วนต่างของโครงการประกันรายได้มายังเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนเข้ามารุมล้อมที่รถไถจำนวนมาก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทีมรปภ.ของนายกฯ ต้องช่วยกันแหวกทางให้รถไถแล่นผ่านไปได้ ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์จะเดินขึ้นบนเวทีปราศรัย มีชาวบ้านต่างมอบดอกไม้ พวกมาลัย และขอจับมือเป็นจำนวนมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งบนเวทีว่า นักข่าวที่กรุงเทพฯ ถามว่ามีที่จังหวัดพะเยาจะมีเรื่องหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่ามี คือ มีแต่เรื่องดี ๆ มาฝาก ซึ่ง 2 ปี ที่ผ่านมาตนไม่ได้มาเยี่ยมประชาชนทางภาคเหนือ เพราะมีปัญหาความขัดแย้ง ตนจึงไม่อยากให้มีความขัดแย้งมากขึ้น จึงได้หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แม้ไม่ได้เดินทางมาแต่ตนก็ใส่ใจติดตามแก้ไขปัญหา เพราะมีหน้าที่ทำงานให้ทุกคน ทั้งนี้ที่จ.พะเยา มีเขตเลือกตั้ง 3 เขต ตนไม่ขออะไรมาก ขอ ส.ส. 3 คนก็พอ
ยกตัวเองปรองดองของจริงลั่นทำงานให้ทุกกลุ่ม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า วันนี้มีคนพยายามพูดว่าตนดีแต่พูด แต่ตนสงสัยว่ามีอะไรที่ตนพูดแล้วไม่ได้ทำ แล้วคนที่พูดได้ทำสิ่งที่ตนทำบ้างหรือไม่ อย่างไรก็ตามไม่มีใครใช้นิ้วนิ้วเดียวทำงานได้ ดังนั้นต้องใช้สิบนิ้ว และทั้งสิบนิ้วก็ลงมือทำงาน
“ผมถามว่าบ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องการประสาน สิบนิ้วดีที่สุดสำหรับการประสาน สิบนิ้วสองมือมารวมกันแล้วก็ไหว้นอบน้อม ไม่มีวิธีอื่นทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ถ้าไม่นอบน้อม ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการที่เดินทางไปหาเสียงที่ไหนแล้วมีคนมาขับไล่ ว่า เมื่อวานก็มีคนมาไล่ที่ตลาด ตนก็ตามไปคุยเพราะเราคนไทยต้องพูดคุยกันได้ใช้เหตุผลและข้อมูลกัน “นี่คือการปรองดองของจริง” และวันนี้ตนไปตลาดละลายทรัพย์ที่กทม.ก็ มีพี่น้องเสื้อแดงสองคน ตนก็เข้าไปคุยซึ่งไม่ได้ทำให้เขาเห็นด้วย แต่คุยด้วยความใจจริงว่าเราเห็นต่างเพราะอะไร เพราะการทำงานให้ประชาชนเราต้องไม่เลือกข้างเลือกฝ่าย ทั้งนี้ตนพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยปลอดภัยจากวิกฤติแล้วเพราะตนและนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ที่ถูกมองว่าเป็นเด็กสองคนพิสูจน์แล้วว่าได้ทุ่มเททำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวย้ำถึงนโยบายต่างๆของรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกร เบี้ยยังชีพ เรียนฟรี การแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด ฯ และย้ำด้วยว่าหากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ทำงานได้ทันทีตั้งแต่วันแรก ดังนั้นไม่ควรเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง แต่ขอให้เติมให้เต็มสิบ
ผู้สือข่าวรายงานว่า คนขับรถไถที่นายกฯนั่ง ชื่อนายบรรเลง คำก๋อง อาชีพทำนา อายุ 41 ปี ชาวอำเภอแม่ใจ จ.พะเยา กล่าวว่า ได้นำเงินส่วนต่างจากนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ประมาณ 60,000 บาท บวกกับเงินที่เก็บสะสม จากการขายข้าวรวมเป็นเงินประมาณ 350,000 บาท เพื่อซื้อรถคันนี้มาในราคา 680,000 บาท ซึ่งตนรู้สึกพอใจในนโยบายประกันรายได้ ตอนนี้เหลืออีก 2 งวดจะผ่อนหมดแล้ว
ปิดภารกิจหาเสียงช่วยที่พะเยามุ่งหน้าสู่วัดหนองเงือก
เมื่อเวลา 22.30 น. นายอภิสิทธิ์เดินทางออกจากเวทีปราศรัยหลังสำนักงานเทศบาลเมืองพะเยา เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดหนองเงือก ที่พักค้างคืน ซึ่งเส้นทางในการเดินทางต้องผ่านหุบเขาและทางโค้งตลอดเส้นทาง อีกทั้งไม่มีแสงไฟส่องทางตลอดสองข้างทาง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวที่ติดตามการลงพื้นที่ได้ใช้ความเร็วค่อนข้างสูง ประกอบกับพื้นที่บางช่วงชุ่มไปด้วยน้ำที่เปียกชื้นจากสภาพอากาศที่สองข้างทางเป็นป่าเขา ส่งผลให้คณะผู้ติดตามหลายคนต่างบ่นว่ามีความอันตรายอย่างมาก
จากนั้นขบวนรถนายอภิสิทธิ์ลงจากภูเขาถึง อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ได้แวะปั๊มน้ำมัน นายอภิสิทธิ์ได้ทำภารกิจส่วนตัว และซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่ 2 ขวด ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า "โค้งเยอะ และถนนมืด กลัวบ้างหรือไม่" นายกฯไม่ตอบ แต่มีสีหน้าอิดโรย พร้อมเดินส่ายศีรษะและขึ้นรถเดินทางต่อทันที โดยเส้นทางที่ใช้ยังคงอันตรายเหมือนในช่วงแรก
"สาทิตย์"เผย"อภิสิทธิ์"ขึ้นเหนือยังเจอแดงป่วน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเดินทางไปหาเสียงที่ภาคเหนือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงประสบปัญหาการขัดขวางการหาเสียงจากกลุ่มเสื้อแดง โดยเดิมมีหมายกำหนดให้นายอภิสิทธิ์เดินทางไปหาเสียงที่ อ.ฮอด ซึ่งเป็นพื้นที่หาเสียงของนายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัครส.ส.เขต 10 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ปรากฏว่าได้มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงบางคนได้โทรศัพท์ไปข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่ว่าห้ามไปร่วมฟังการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิต ดังนั้นพรรคจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปหาเสียงที่อ.แม่ริม ซึ่งเป็นพื้นที่ของดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครส.ส. เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ แทน
“เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงการไม่จริงใจต่อแนวทางปรองดองของแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ที่ออกมาพูดปรองดองแต่ปาก แต่ความจริงการกระทำตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา คนที่ออกมาก่อกวนถึงขนาดใส่เสื้อแดง มีรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเบอร์ปรากฏอย่างชัดเจน คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต) กลับอ้างว่าไม่มีหลักฐาน ทั้งที่ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน แต่ก็ไม่จัดการอะไร หรือต้องถึงขั้นรอให้มีการบาดเจ็บ หรือตายเกิดขึ้นก่อน” กก.บห. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า