
ทัพธุรกิจท่องเที่ยวบุกอาหรับดึงเศรษฐีตะวันออกกลางใช้จ่ายในไทย
ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี จะเป็นช่วงที่ภูมิภาคตะวันออกกลางมีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นถึง 40-50 องศาเซลเซียสในบางครั้ง จึงทำให้ชาวตะวันออกกลางเดินทางออกไปท่องเที่ยวจำนวนมาก
ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือว่ามีอำนาจการใช้จ่ายสูง ประกอบกับในช่วงดังกล่าวการท่องเที่ยวของไทยจะไม่คึกคัก เพราะเป็นฤดูฝน ดังนั้น หากสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาในประเทศไทย ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
มหกรรมการท่องเที่ยวอาราเบียน ทราเวล มาร์เก็ต 2011 (Arabian Travel Market : ATM 2011) ที่จัดขึ้น ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 2-5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกเวทีหนึ่งในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย โดยภายในงานมีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเกือบ 7,000 หน่วยงานมาร่วมออกบูธ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ได้นำผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ 184 รายเข้าร่วมงาน ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Always Amazes You หวังดึงนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางให้เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทย
นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว การรักษาพยาบาลก็เป็นอีกมิติของการสร้างรายได้เข้าประเทศ เป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ นายอคีล บูคิสชา ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า คนตะวันออกกลางมั่นใจในบริการทางด้านการแพทย์ของโรงพยาบาล จึงมีอัตราผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 9 ปีที่เข้ามาตลาดในภูมิภาคนี้ เนื่องจากรูปพรรณที่สูงใหญ่และการมีโภชนาการที่มากเกินไปทำให้ประสบปัญหาเรื่องข้อและกระดูกกันมาก อีกทั้งยังสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากสวัสดิการของรัฐได้ จึงทำให้เป็นที่นิยมในการเดินทางมารักษาพยาบาลและตรวจสุขภาพไปพร้อมๆ กัน ศัลยกรรมความงามก็กำลังเป็นที่นิยมจากสาวๆ ในย่านนี้เช่นกัน การตั้งตัวแทนด้านการขายยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำตลาดในภูมิภาคนี้
ด้านนายปราโมทย์ ทรัพย์เย็น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานดูไบ กล่าวว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าไทยลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาค ซึ่งนักท่องเที่ยวเกรงว่าจะได้รับผลกระทบถึงประเทศของตน แต่หลังจากที่รัฐบาลของแต่ละประเทศเริ่มรับมือกับสถานการณ์ได้แล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มมีความมั่นใจ และกลับมาเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2553 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ถึง 21.46% ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กว่า 25% หรือ 105,162 คน และมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 9-10 วัน มีการใช้จ่ายเฉลี่ยวันละกว่า 5,000 บาท
"กลุ่มนักท่องเที่ยวทางตะวันออกกลางจะเน้นท่องเที่ยวแบบบันเทิง สนุกสาน ช็อปปิ้ง แต่ต้องปลอดภัย โดยนิยมเดินทางเป็นครอบครัว เนื่องจากประเทศไทยมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และไม่ถูกจับตามองเหมือนการไปท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศมุสลิมด้วยกันเอง ประกอบกับคนไทยเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่นชอบของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งนิยมมาเที่ยวที่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต" นายปราโมทย์กล่าว
ด้านนายมานิตย์ บุญฉิม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มตะวันออกกลางและยุโรปนี้ มีประมาณ 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด มีการใช้จ่ายถึง 45% ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ทั้งสองกลุ่มมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่ต่างกัน นักท่องเที่ยวแถบยุโรปจะหนีหนาวออกมาเที่ยวในช่วงปลายปี กลุ่มนี้มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000 บาทต่อคน ระยะเวลาการท่องเที่ยว 15-20 วัน ถึงจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงมากในแต่ครั้ง และชอบที่จะอยู่กับธรรมชาติ รักสงบ อิสระ ไม่เน้นสถานที่กินดื่ม ยกเว้นประเทศในกลุ่มรัสเซียเดิม
ทั้งนี้ การนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ อย่างน้อยที่สุดผู้ประกอบการต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากตัวแทนการขายทั้งหลาย จึงจะกล้าแนะนำให้ลูกทัวร์เดินทางไปใช้บริการ นักท่องเที่ยวมักมองหาการบริการอย่างมีระดับ เช่น การให้บริการคำแนะนำเป็นภาษาของชาตินั้นๆ หรือมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ที่พวกเขารู้คุ้นเคยเหมือนในประเทศของตัวเอง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง มีข้อแนะนำถึงการขยายช่องทางการทำธุรกิจว่า การตั้งตัวแทนขายหรือสำนักงานการขาย หาหุ้นส่วนทางธุรกิจท้องถิ่น จะทำให้ยอดการใช้บริการมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ในการประชาสัมพันธ์ของ ททท. ยังมีการสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวด้วยโครงการ Amazing Thailand Through The Lens โดยการสร้างชุมชนของชาวตะวันออกกลางที่เคยเดินทางมายังประเทศไทย ผ่านการประกวดถ่ายภาพ ตามหัวข้อที่กำหนดขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งมีผู้ส่งรูปเข้าประกวดและมีสมาชิกเข้ามาร่วมโหวตเป็นจำนวนมาก มีร้านอาหารไทยเป็นผู้สนับสนุนของรางวัล แม้จะมีมูลค่าไม่มากนัก แต่สามารถสร้างความต่อเนื่องและตอกย้ำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ประทับใจประเทศไทยมากขึ้น นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและรอยยิ้มของเจ้าบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวใช้บริการอย่างต่อเนื่องตามสถานที่ต่างๆ สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการท่องเที่ยว คือต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ไม่เช่นนั้นสถานที่ต่างๆ ก็คงหมดราคา หมดคุณค่าลงไปเรื่อยๆ วันนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเตรียมสถานที่ต่างๆ ไว้พร้อมที่จะรองรับกองทัพนักเดินทางให้ประทับใจเหมือนอย่างที่เราภูมิใจได้หรือไม่ และการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอาจทำให้ความตั้งใจมาท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นได้
กิตตินันท์ รอดสุพรรณ
[email protected]