ข่าว

เปิดบัญชีมือปืนรับจ้าง43รายแจกทั่วปท.

เปิดบัญชีมือปืนรับจ้าง43รายแจกทั่วปท.

14 พ.ค. 2554

"รองผบ.ตร."เปิดบัญชีมือปืนรับจ้างปี 54 จำนวน 43 ราย แจกจ่ายทั่วประเทศ ให้รางวัลนำจับ 1 แสน รวมมือปืนทั้งหมด 112 ราย เผยดาวรุ่งอีก 126 ราย ย้ำให้พื้นที่รุนแรงเพิ่มความเข้มตรวจค้น กดดันทุกรูปแบบ ปรามผู้มีอิทธิพลไม่ให้ที่อยู่ และนักการเมืองใช้ความรุนแรง เตือ

(14พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ก. และ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. ร่วมแถลงเปิดเผยรายชื่อผู้ต้องหาที่เป็นมือปืนรับจ้างที่ถูกจัดทำขึ้นใหม่ในปี 2554 จำนวน 43 ราย โดยพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งทางด้านการเมือง มีการใช้ความรุนแรงและอาวุธสงครามก่อเหตุในห้วงเวลาที่ผ่านมา และหลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว แนวคิดการเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มีการแข่งขันของผู้สมัครมีความขัดแย้งในบางพื้นที่ ซึ่งเริ่มจากจ.สมุทรปราการ แนวทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเมินสถานการณ์ได้ว่า แนวโน้ม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ จะมาจากความขัดแย้งของตัวผู้สมัคร พื้นที่ที่การแข่งขันกันสูง เพราะฉะนั้น เหตุต่าง ๆ จะเกิดขึ้นได้

 พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี่ได้เกิดศูนย์บริการสถานการณ์ร้ายแรง หรือ ศบร. ตร. ซึ่งดำเนินมาตรการเชิงรุก ทั้งตัวสาเหตุ และผู้ปฎิบัติการ หรือต้นตอของความขัดแย้ง มีการเรียกคู่กรณีมาพูดทำความเข้าใจ และปฏิบัติการเชิงรุกกับบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นมือปืนรับจ้างไปยิงคนและมีหมายจับ นอกจากนี้ยังมีการขึ้นบัญชีของบุคคลที่เป็นผู้สนับสนุน พวกดาวรุ่งจำนวน 126 ราย เหล่านี้ สตช. ให้ใช้ปฏิบัติการเชิงรุก เข้าตรวจค้นทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้คนต่าง ๆ เหล่านี้ คิดจะกระทำผิดหรือคิดจะกระทำผิดในช่วงนี้ สรุปได้ว่า บุคคลที่ถูกขึ้นหมายจับเป็นมือปืนรับจ้าง ขณะนี้มีทั้งหมด 112 ราย เราดำเนินการประกาศสืบจับ ไปทั่วประเทศ

 “สรุปว่าปฏิทิน ที่เห็นอยู่ข้างหลังเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2548 สามารถจับได้เกือบ ร้อยละ 50 จับกุมได้ 24 คน ปี 2549 ก็จัดทำบัญชีใหม่อีกครั้งงและจับกุมได้อีก 18 คน คิดเป็น ร้อยละ 36 และในปี 2550 รวบรวมมาได้ อีก 31 คน และจับกุมได้ 7 คน คิดเป็นร้อยละ 8 และชุดสุดท้ายปี 2554 เป็นการร่วมจัดทำบัญชีมือปืนระหว่าง บช.ก.และบก.ป. ได้เริ่มมือปืนรับจ้างที่ถูกออกหมายจับอีก 50 ราย ถูกจับแล้ว 6ราย ตาย 1คน รวมเป็น 7 จึงเหลือ 43 ราย”

 รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ผบ.ตร. ต้องการให้ ปฏิบัติการเชิงรุกนำบุคคลเหล่านี้มารับโทษตามกฎหมายโดยเร็ว จึงตั้งรางวัลนำจับ สำหรับใครก็ตามที่ สามารถแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมสำหรรับมือปืนรับจ้างที่ถูกรวบรวมขึ้นในปี 2554 จำนวน 1 แสนบาท สำหรับ 3 ชุดแรก ให้รายละ 5 หมื่นบาท ในส่วนนี้ มอบหมายให้ บช.ก. และ บก.ป. ร่วมกันประสานงาน และแจกจ่ายข้อมูลให้กับทุกภาค ทั่วประเทศ พยายามตรวจค้นกดดันในทุกรูปแบบ หากจับกุมไม่ได้ ก็ห้ามบุคคลเหล่านนี้ออกมากระทำผิดเด็ดขาด

 “เราไม่ได้รอให้เหตุเกิดก่อน หรือไม่ได้เก็บข้อมูลไว้เหมือนแต่ก่อน ปัจจุบัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งขาติบอกให้รุกเลย พื้นที่ใดมีการแข่งขันสูง ทราบว่าคู่แข่งมีการขัดแย้งกัน ตำรวจต้องลงไปเลย เรียกคู่กรณีมาทำความเข้าใจปรับความเข้าใจกัน พูดกันให้รู้เรื่อง ขัดแย้งกันได้ แข่งขันกันได้ แต่ห้ามใช้ความรุนแรง บรรดาลิ่วล้อ หมายจับมืออยู่แล้ว สมัครพรรคพวกถูกขึ้นบัญชีไว้แล้วก็จะถูกตรวจค้น กดดันอย่างเด็ดขาด ปฏิบัติการเชิงรุกทั้ง 2 ส่วนไปพร้อม ๆ กัน การปฏิบัติการลักษณะนี้ เรามีความเชื่อมั่นว่า ตร.จะสามารถควบคุมสถานการณ์การเลือกตั้งได้ ทำให้เกิดเหตุน้อยที่สุด”พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว

 เมื่อถามว่า ยังพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนเหล่านี้หรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ฐานเสียงของนักการเองท้องถิ่น ฐานเสียงระดับชาติ ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกัน จะเป็นฐานเสียงเดียวกัน และกลุ่มมือปืนเหล่านี้ก็จะอยู่กลุ่มเดียวกัน หรือเชื่อมโยงเป็นเส้นทางเดียวกัน จากการรวบรวมข้อมูล ตอนนี้บุคคลต่าง ๆ ทราบว่า กระทำผิด พวกนี้จะหลบ แต่การหลบของเขาเราไม่มั่นใจว่า ณ วินาทีที่มีความขัดแย้งรุนแรงเขาจะออกมากระทำผิดอีกหรือไม่เราจึงต้องปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อให้ทราบถึงตัวสาเหตุความขัดแย้งของผู้สมัคร ซึ่งเขาจะรู้กันว่าใครจะได้ไม่ได้ ในเมื่อตัวเลือกมีคนเดียวจึงต้อง การขจัดคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม

 สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนยังพบบางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น โดยจังหวัด หรือพื้นที่เหล่านั้นจะต้องมีการตรวจสอบกดดันอย่างเข้มข้น เช่น ภาคกลาง อีสานและเหนือ บางจังหวัด อย่างไรก็ตามในบัญชีมือปืนรับจ้างทั้งหมดนี้ ยังไม่มีพยานหลักฐานระบุได้ว่า เป็นมีรายใดที่ยิงนายประชา ประสพดี ซึ่งคงต้องสืบสวนสักระยะ ให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนกว่านี้ สำหรับความคืบหน้าคดีนี้ได้ความชัดเจนในเรื่องของยานพาหนะมากขึ้นแล้ว

 เมื่อถามว่า ต้องพิจารณาการทำงานของ ทางผบก.จว.สมุทรปรการหรือไม่ ที่ปล่อยให้มีเหตุการณ์ยิงนายประชาเกิดขึ้น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ผบ.ตร. ได้สั่งการแล้วให้ รรท.ผบช.ภ. 1 พิจารณา ว่าได้ดำเนินการตามนโยบายที่ ศบร.ตร. หรือไม่ แต่เราก็ไม่คิดจะทำอย่างนั้น เพราะเรื่องการทำงานบางทีมันก็อยู่นอกเหนือการควบคุม ต้องดูก่อนว่า บกพร่องอย่างไร
 เมื่อถามว่า ข้อมูลของ ศบร.ตร. ตรงกับแนวทางการสืบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.ภาณุพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ การสืบสวนกระชับมาแล้ว ได้ความคืบหน้ามาก

 ด้าน พล.ต.ต.วินัย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสืบจับผู้ต้องหาที่เป็นมือปืนรับจ้างทั้ง 43 ราย ว่า ทางคณะทำงานศูนย์ปราบรามผู้มีอิทธิพลหรือมือปืนรับจ้าง หรือ ศปอร. ตร. ต้องการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำไปสู่การจับกุมได้ง่ายขึ้น 2.เพื่อป้องกันผู้มีอิทธิพลรับมือปืนเหล่านี้ไว้ในความคุ้มครอง 3. การเผยแพร่ข้อเหล่านี้ไปยังสื่อ สาธารณะ ทำให้ผู้ถูกขึ้นบัญชีอยู่แล้ว กลับมากระทำผิดได้ยากขึ้น

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชี 50 มือปืนรับจ้างนั้น ถูกจับกุมไปแล้ว 6 ราย ประกอบด้วย นายไพศาล ปั้งเล่ง มือปืนลำดับที 2 นายณรงค์ เหมเดโช ลำดับที่ 4 นายวุฒิชัย หรือ เอ็ก มาศปิ่น ลำดับที่ 5 นายเสวง สุวรรณวงศ์ ลำดับที่ 24 นายสมจิตร แผดสุระ ลำดับที่ 39 นายไพศาล กลาแต ลำดับที่ 42 และเสียชีวิต 1ราย คือ นายปราโมทย์ ทองจันทร์ มือปืนลำดับที 1 โดยพบว่าในบรรดามือปืนรับจ้างที่ เหลือ มี หมายจับจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.อ.สมชาย บุนนาค มือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุลด้วย อยู่ในลำดับที่ 13 และ 14 ตามลำดับ