ข่าว

ชทพ.เปิด4แชมป์มวยว่าที่ผู้สมัครส.ส.

ชทพ.เปิด4แชมป์มวยว่าที่ผู้สมัครส.ส.

12 พ.ค. 2554

“ชุมพล”ชูหมัดเปิด 4 แชมป์มวย “สมรักษ์ - เขาทราย - เจริญทอง”ลงเขตบ้านเกิด ส่วน “มนัส”ลงปาร์ตี้ลิสต์ โว มีบอดี้การ์ดไม่ต้องใช้รถกันกระสุน ด้าน“สมรักษ์”โวไม่ได้โม้ชนะแน่ ด้าน “เขาทราย”มั่นใจปชช.ให้ความสนใจ พร้อมเปิดนโยบายศก.เพิ่มรายได้ประชาชนสองเท่าภายใน 5

 นายชุมพล   ศิลปอาชา   หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย   ซึ่งเป็นแชมป์มวยไทยระดับเหรียญทองโอลิมปิค แชมป์โลกขวัญใจชาวไทย 4 คน คือ

ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิค 1996  ว่าที่ผู้สมัครเขต 10 ขอนแก่น  นายสุระ   แสนคำหรือเขาทราย แกแล็คซี่   อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 เพชรบูรณ์   นายเจริญ ชูมณี หรือเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง   อดีตแชมป์มวยไทยชื่อดัง ว่าที่ผู้สมัคร เขต 6 นครศรีธรรมราช   และนายมนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิค 2004   นอกจากนี้ยังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคในจังหวัดนครสวรรค์ 4 เขต ได้แก่   เขต 2   นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์   เขต 4 นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ เขต 5 นายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ และเขต 6 นายนิโรธ สุนทรเลขา

            นายชุมพล กล่าวว่า ขอเปิดตัวผู้สมัครวันนี้ในบางส่วนแต่จะเปิดตัวทั่วประเทศในวันที่   18 พ.ค.นี้ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ วิภาวดี    ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนายินดีต้อนรับนักกีฬาและอดีตส.ส. ทั้งหมดเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา   เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันและต่อไปนี้ตนคงไม่ต้องมีเกราะคุ้มครองไม่ต้องใช้รถกันกระสุนเพราะอดีตแชมป์มวยทั้ง 4 คนคงจะคุ้มครองตนได้เต็มที่ไม่ผิดกฎกกต.  ถือว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งเรายินดีต้อนรับ และไม่ใช่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะมีแต่นักกีฬามวยแต่จะมีนางงามเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกด้วยให้รอดูในบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. ล้วนเป็นคนมีคุณภาพทั้งนั้น

            โดยร.อ.สมรักษ์  กล่าวว่า  สำหรับการตัดสินใจมาเล่นการเมืองในครั้งนี้เพราะเลิกชกมวยแล้ว หลังจากที่เมื่อปี 2539  ได้เหรียญทองโอลิมปิค ซึ่งเป็นสมัยที่นายบรรหาร   ศิลปอาชา เป็นนายกฯ ตนได้นำความภาคภูมิใจมาให้คนไทย  ซึ่งตนเชื่อว่าภาพในวันนั้นยังอยู่ในใจคนไทยทุกคน ดังนั้นตนจึงอยากเห็นภาพความดีใจตื้นตันใจของชาวไทย ที่เป็นภาพเกิดขึ้นในสภาฯบ้างไม่ใช่ว่าสังคมไทยจะมีแต่ความแตกแยก อีกทั้งต้องการพัฒนาเยาวชนให้เอานักกีฬาเป็นตัวอย่างที่ดี ต้องการนำการกีฬามาพัฒนาเศรษฐกิจบ้างจึงตัดสินใจมาเล่นการเมือง ตนเองมีความตั้งใจจริงจึงเชื่อว่าจะทำได้

            ผู้สื่อข่าวถามว่าใครเป็นคนชักชวนเข้ามาเล่นการเมืองในครั้งนี้ ร.อ.สมรักษ์ กล่าวว่า กลุ่มของตนได้พูดคุยและทำงานทางการเมืองนานแล้ว   อีกทั้งแต่ละคนก็ลงทำกิจกรรมในพื้นที่มาตลอด เช่นเล่นฟุตบอลการกุศล   จัดมวยการกุศล   ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นพื้นฐาน เป็นตัวอย่างและกำลังใจที่ดีให้เยาวชนได้

 จึงคิดและรวมตัวกันว่าเราจะเข้ามาสู่สนามการเมืองเพื่อพัฒนาเยาวชนให้หันมาเล่นกีฬาห่างไกลยาเสพติดพัฒนาเศรษฐกิจให้ได้ และตอนนี้กีฬาไทยไปต่างชาติไกลแล้ว ตอนนี้กีฬาไทยและนักกีฬาไทยกำลังเป็นที่นิยม หลายคนหลังจากที่เล่นกีฬามานานเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เมื่อเล่นกีฬาแล้วจึงอยากเข้ามารับใช้ประชาชนในภาคการเมือง   จึงอยากเน้นให้กีฬาพัฒนาเศรษฐกิจบ้าง ถ้ากีฬาดังเศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้นความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็จะดีขึ้นและมีอนาคต 
 
            ต่อข้อถามที่ว่าได้แรงบันดาลใจเล่นการเมืองจากปาเกียว แชมป์โลกชาวฟิลิปปินส์หรือไม่ ร.อ.สมรักษ์ กล่าวว่า  ตนมีความตั้งใจมานานแล้วว่าสักวันหนึ่งอยากมาเป็นนักการเมือง แต่ปาเกียวไปเป็นก่อน เพราะตนยังไม่มีจังหวะยังไม่สบโอกาสแต่ตอนนี้มีความพร้อมเต็มที่แล้ว   พวกเราไม่เป็นพิษภัยกับใครเป็นคนของประชาชนอยากมารับใช้ประชาชนโดยตรงแต่การเข้าสู่สนามการเมืองพวกเราเหมือนมวยใหม่คงค่อยๆปรับตัว ค่อยๆศึกษาให้เข้ากับระบบการเมืองแต่เชื่อว่าคงไม่ยาก

            ร.อ.สมรักษ์ กล่าวต่อว่า   ตนเชื่อว่า กลุ่มนักมวยของตนจะสร้างสีสันและความปรองดองให้กับวงการการเมืองได้ เพราะทำงานการเมืองนั้นต้องบริหารด้วยการหัวเราะบ้างยิ้มบ้าง   ไม่ใช่มีแต่หน้าบึ้งตึงใส่กัน     และส่วนตัวตนก็มั่นใจว่าตนไม่แพ้ มั่นใจว่าชนะ เพราะถ้ากลัวแพ้คงไม่มา   ชนะแน่เรื่องจริงไม่ได้โม้    เราทุกคนมีความมั่นใจและตั้งใจมาก ที่ตัดสินใจมาลงทำงานทางการเมือง คิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้ชาวไทยเพราะที่ผ่านมามีแต่เรื่องยุ่งๆแต่หากมีพรรคเป็นกลางอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาคงไม่มีเรื่องยุ่งๆอีก 
 
            ขณะที่นายสุระ   กล่าวว่า   สำหรับตนเรียนปริญญาตรีเอกการปกครอง จึงอยากมารับใช้พี่น้องประชาชนบ้าง ไม่ใช่ชกมวยเก่งอย่างเดียวการเมืองอาจจะเก่งก็ได้   แต่ยอมรับว่าสนามการเมืองกับสนามกีฬาคงจะแตกต่างกัน   เพราะเวทีมวยขึ้นไปชกกันแค่ 2 คนเท่านั้นแต่เวทีการเมืองมีหลายคนที่ต้องต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนๆแต่ต้องต่อสู้กันทุกรูปแบบแต่ไม่ใช่วิธีการโกง เพราะตั้งแต่ที่ตนชกมวยมาก็มีความซื่อสัตย์มาโดยตลอดไม่เคยเอาเปรียบคู่ต่อสู้

            ส่วนทำไมเขาทรายจึงตัดสินใจมาลงสมัครในนามพรรคชาติไทยพัฒนาไม่เลือกพรรคอื่น นายสุระ กล่าวว่า เมื่อก่อนตนลงส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินเคยทำคะแนนได้ 7 คนจาก 8 กลุ่มแต่ในครั้งนี้อยากลงสมัครส.ส.ระบบเขตบ้าง เพราะการลงส.ส.สัดส่วนต้องเดินสายทั่วประเทศ แต่การทำเขตอยู่ในพื้นที่แค่จังหวัดเดียวเชื่อว่าคงไม่เหนื่อยมากเท่าเมื่อก่อนมั่นใจว่าไม่ยากสำหรับตน เพราะจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นจังหวัดบ้านเกิด

            ผู้สื่อข่าวถามว่าสมัยเป็นแชมป์มวยมีแต่คนรักและชื่นชมหากเป็นนักการเมืองแล้วอาจถูกเกลียดชังและโห่ไล่จะยอมรับได้หรือไม่ นายสุระกล่าวว่า การเป็นนักมวยมีเทคนิคการชก เมื่อมาเป็นนักการเมืองก็ต้องมีเทคนิคในการพูด ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อและนับถือ ทำอย่างไรให้ประชาชนมาสนใจเรา ซึ่งตนมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนคงจะสนใจเราเพราะเราทั้ง 4 คนล้วนเป็นนักมวยหน้าตาดีทั้งนั้น

 ผู้สื่อข่าวถามว่าสำหรับพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเดิมเป็นของพรรคประชาธิปัตย์แล้วคิดว่าจะปักธงพรรคชาติไทยพัฒนาได้อย่างไร นายเจริญ   กล่าวว่า “ผมคิดว่าเขตของผมที่ชนกับนายเทพไท เสนพงศ์ ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมคิดว่าวันนี้ผมมีโอกาสน๊อคเขาได้แน่นอน”

              เมื่อถามว่าคิดว่าจะเรียกคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อจากชาวราชบุรีได้มากน้อยเพียงใด นายมนัส    กล่าวว่า   ตนจะช่วยทีมและพรรคชาติไทยพัฒนาลงพื้นที่หาเสียงอย่างเต็มที่และมั่นใจว่า จะช่วยหาคะแนนให้พรรคได้แน่  

ชทพ.เปิดนโยบายศก.เพิ่มรายได้ประชาชนสองเท่าภายใน5ปี

  ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายเกษมสันต์ วีระกุล ทีมเศรษฐกิจ ได้ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายปรองดอง และนโยบายเศรษฐกิจ โดยนายชุมพล กล่าวว่า เราได้รวบรวมความคิดเห็นและสิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศจึงนำไปสู่การร่างนโยบายหลักของพรรค ซึ่งจะชูในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้คือ นโยบายปรองดองแห่งชาติ การสร้างเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ของประชาชน

 เนื่องจากในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาเรื่องความสามัคคี เรื่องการเมือง ทำให้ประเทศเสียโอกาส เสียเวลาในการพัฒนาความพร้อมในด้านต่างๆทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทุกอย่างถดถอยไปหมด และหยุดชะงักหลังเหตุการณ์ปฏิวัติ การดำเนินการทางการเมือง การปฏิบัติที่ไม่เสมอภาค ความไม่เป็นธรรมทางสังคม ความแตกแยกยังปรากฎให้เห็นอยู่ ทุกฝ่ายยืนข้างตัวเองที่ได้ประโยชน์ ไม่โน้มไปสู่จุดที่มีประโยชน์ร่วมกัน บุคคลากรในองค์กรต่างๆก็ปฏิบัติสองมาตรฐาน และไม่รู้ว่าหลังเลือกตั้งปัญหาจะยุติได้หรือไม่ เพราะไม่มีความสามัคคีกัน ภาวะเศรษฐกิจก็ไม่ได้ก้าว หรืออยู่ในระยะฟื้นตัว

 “ที่ผ่านมาพรรคได้ดำเนินงานทางการเมืองด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และตระหนักอยู่เสมอถึงแนวทางการสร้างความปรองดอง เพื่อนำไปสู่การหาทางออกร่วมกันของทุกฝ่าย บุคคลากรในพรรคไม่ว่าจะเป็นนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคได้ใช้ความพยายามที่จะให้เกิดความปรองดองและสามารถพูดคุยหารือได้ทุกฝ่าย

 จึงเชื่อมั่นว่าจะทำให้แนวทางการแก้ปัญหาและสร้างความปรองดองเกิดขึ้นได้แน่นอน ถือเป็นคำตอบที่คนไทยอยากเห็น” นายชุมพล กล่าวและว่า กรอบนโยบายของพรรคเบื้องต้นที่เรานำเสนอเป็นการร่างนโยบายบนพื้นฐานของความขัดแย้ง และบนพื้นฐานความไม่สมดุลในการพัฒนามุ่งเน้นการพัฒนาเฉพาะในพื้นที่กทม.เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งต่อไปพรรคจะเน้นการพัฒนาพื้นที่ชนบทให้มากขึ้น เพื่อลงไปสู่ระดับรากหญ้า

 ด้านนายประดิษฐ์ กล่าวว่า การสร้างเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่รายได้ การมุ่งลดช่องว่างระหว่างคนรวย คนจน ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ควรมุ่งสู่การยกระดับความมั่นคงให้พ้นจากความมั่นคงอย่างยิ่งจัง ซึ่งระบบเศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อไปได้ต้องมีการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญของคุณภาพเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยนโยบายของพรรคมุ่งใน 3 ประเด็นคือ

1.การเตรียมประเทศเป็นประชาคมอาเซียน โดยจะตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไปสู่ประชาคมอาเซียนในปี 57 ก่อนที่จะมีการเปิดเขตเสรีทางการค้าในปี 58 ซึ่งจะเป็นการเตรียมพร้อมทางด้านการลงทุน สาธารณูปโภค  ด้านคมนาคมไม่ว่าจะเป็นระบบราง และรถไฟความเร็วสูง และการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อดึงดูดการลงทุน จากการใช้ประโยชน์จากนักลงทุนต่างชาติ

 2.จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และ 3.การเสริมสร้างและการพัฒนาภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน เนื่องจากเกษตรกรเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยืนยันว่าจะเพิ่มรายได้ให้ประชาชนเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี ในการเป็น และนโยบายของพรรคจะเน้นคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้นมากกว่าการหยุดมองความแตกต่างในเรื่องของสีเสื้อ

 เพราะความเป็นพลเมืองของคนไทยไม่ใช่อยู่ที่สีเสื้อ แต่อยู่ที่ความร่วมมือกันในการเป็นหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อสร้างความปรองดองในการสร้างเศรษฐกิจ และรายได้ นอกจากนี้พรรคได้มีแผนงานที่จะทำแหล่งน้ำ 1.7 ล้านล้านบาททั่วประเทศ

 ขณะที่นายเกษมสันต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับความปรองดองภายในประเทศเป็นหลัก หากปรองดองได้การสร้างเศรษฐกิจจากนี้ไปไทยก็จะกลายเป็นประเทศสำคัญทางเศรษฐกิจในอาเซียน ซึ่งไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่เราต้องเตรีมตัวให้พร้อม

 ซึ่งการใช้งบประมาณกว่า 5 ล้านล้านบาท คงหาไม่ได้ทันที แต่ต้องอยู่การปรับปรุงทุกอย่างให้เป็นระบบสร้างเศรษฐกิจเพิ่มรายได้ เงินในกระเป๋าประชาชน ซึ่งในวันที่ 18 พ.ค.ในการปฐมนิเทศผู้สมัครของพรรคที่โรงแรมมิราเคิล ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และจะมีการเปิดนโยบายเศรษฐกิจโดยรวมอีกครั้งหนึ่งด้วย