
นักวิชาการชี้สิ้นไพโรจน์ชพน.ป่วนแน่
สิ้น "ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินป่วน นักวิชาการชี้อาจถึงขั้นสลายขั้วการเมือง หลังระบุการเมืองโคราชเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่
(10พ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า ภายหลังจากที่ข่าวการเสียชีวิตของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินกลุ่ม 3 พี ที่เพิ่งตัดสินใจนำขุนพลของพรรคเข้าร่วมทำงานทางการเมืองร่วมกับพรรครวมชาติพัฒนา ซึ่งมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น แพร่สะพัดออกมา ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เสียชีวิตจริง
ล่าสุดวันที่ 10 พ.ค.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่บ้านพักซึ่งว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี พักอาศัยอยู่ทั้ง 2 แห่ง ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาคือที่บ้านคุณแม่ เลขที่ 299 ถ.สืบสิริ ซ.47 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของบิดา-มารดา ของ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ภรรยาของว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี และบ้านเลขที่ 9/7 ภายในโรงแรมเวียนนาการ์เดนท์ แอนด์สปา อ.เมือง จ.นครราชสีมา บ้านพักของว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี
โดยที่บ้านคุณแม่ บ้านพักของบิดามารดา ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นั้น ไม่พบว่ามีญาติพี่น้องหรือกลุ่มนักการเมืองในเครือของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ อยู่ภายในบ้านแต่อย่างใด มีเพียงญาติของร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ฯ (ไม่เปิดเผยตัว) อยู่ภายในบ้านพักซึ่งระบุว่ายังไม่ทราบข่าวที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีที่ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เสียชีวิตลงแล้ว ทราบเพียงว่าขณะนี้ทุกคนในครอบครัวกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานของนายพลพีร์ สุวรรณฉวี บุตรชายคนโตของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ กับ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.2554 นี้
ขณะที่บรรยากาศที่บ้านพักของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ภายในโรงแรมเวียนนาการ์เดนท์ แอนด์สปา ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ภายในบ้าน โดยบริเวณบ้านดูรกร้างปิดประตูบ้านแน่นสนิท แต่ยังคงเปิดประตูรั้วบ้านไว้ และมีรถตู้ประจำตัวของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ฯจอดอยู่ภายในบ้านเพียงคันเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ฯทุกคนทราบข่าวการเสียชีวิตแล้ว และได้เดินทางไปเคารพศพที่กรุงเทพฯ หมดแล้ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ส.อ.ชวนากร เยาวจัตุรัส เจ้าหน้าที่รับงานฌาปนสถาน สำนักงานฌาปนสถานกองทัพบก วัดสุทธจินดาวรวิหาร ว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (10 พ.ค.) ได้มีผู้มาจองศาลาตั้งศพบำเพ็ญกุศลให้กับว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวีแล้ว โดยนางปทุม กุลกำจร เป็นผู้มาจองศาลา 1 ไว้ ระหว่างวันที่ 16 - 23 พฤษภาคมนี้ เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีไทย หลังจากนั้นจะทำพิธีบรรจุศพไว้เพื่อทำบุญ 100 วันอีกครั้ง ดังนั้นคาดว่าศพของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี จะมาถึงจังหวัดนครราชสีมา และนำเข้ามาตั้งไว้ที่ศาลา 1 วัดสุทธจินดาวรวิหารประมาณเวลา 15.00 น. วันที่ 16 พ.ค.นี้ตามกำหนดการณ์
นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ นักวิชาการอิสระ อาจารย์พิเศษคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา วิเคราะห์ทิศทางการเมืองของจังหวัดนครราชสีมา หลังจากที่ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เสียชีวิตลงว่าก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว สุวรรณฉวีทุกท่านที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งและเป็นเสาหลักของครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งนี้ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ถือเป็น ตำนานของการเมืองโคราช มีบทบาทสำคัญทางการเมืองมาโดยตลอด เป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งผลกระทบหลังจากที่ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์เสียชีวิตลง จะมีอยู่ใน 2 พื้นที่ คือในส่วนพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ต้องยอมรับว่า ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ถือเป็นบุคคลสำคัญของครอบครัว ที่คอยผลักดันครอบครัวให้เข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัวและได้รับตำแหน่งสำคัญทางการเมืองอย่างมากมาย โดยเฉพาะ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ซึ่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร ในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเมื่อสิ้นว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ไปแน่นอนว่าครอบครัวสุวรรณฉวี จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
อีกเรื่องก็คือว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เป็นบุคคลทางการเมืองที่มีทีมงานซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และผู้ปกครองท้องถิ่น ในระดับเทศบาล สมาชิกสภาจังหวัด รวมถึง องค์การบริหารส่วนตำบล อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นกลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจจะขาดผู้นำทำให้ฐานเสียงที่เคยอยู่ในมือของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์เรื่องสั่นคลอน และอาจจะส่งผลกระทบต่อพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่ทางพรรคเพื่อแผ่นดินเพิ่งตัดสินใจเข้าร่วมดำเนินการทางการเมืองกับพรรครวมชาติพัฒนาเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ดังนั้นเมื่อว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ฯ
ซึ่งถือว่าเป็นหัวเรือใหญ่และเป็นมันสมองของกลุ่มการเมืองกลุ่ม 3 พี อีกทั้งยังเป็นคนตัดสินใจทุกเรื่อง ซึ่งอาจจะมีข้อตกลงบางอย่างกับทางนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนาเดิม แบ่งผลประโยชน์ทางการเมือง รวมไปถึงรูปแบบกลยุทธการต่อสู่ในสนามเลือกตั้ง โดยที่กลุ่ม 3 พีคนอื่นยังรู้ลึกถึงรายละเอียด ซึ่งอาจจะทำให้เสถียรภาพของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินมีปัญหา ตั้งแต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงมีการย้ายออกของบรรดา ส.ส. และว่าที่ผู้สมัครไปร่วมกับพรรคอื่น กระทั่งอาจมีการสลายขั้วกันก็เป็นได้ เพราะบุคคลสำคัญที่เป็นผู้มีบารมีที่ทุกคนต้องเกรงใจไม่อยู่แล้ว
"นอกจากนี้การสูญเสียว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวีในครั้งนี้ยังส่งผลต่อการเมืองในระดับประเทศ เนื่องจากว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ เป็นแกนนำการเมืองถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กก็ตาม แต่จะเห็นได้ว่ากลุ่ม 3 พี จะมีบทบาทสำคัญทุกครั้งในการจัดตั้งรัฐบาล ฉะนั้นเมื่อกลุ่ม 3 พี ขาดว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ซึ่งถือเป็นผู้นำกลุ่มไปก็จะเกิดปัญหาในการควบคุมกำกับดูแลเครือข่ายได้เช่นกัน
ประกอบกับการต่อสู้แข่งขันทางการเมืองที่ขณะนี้มีหลายพรรคใหญ่กำลังดูดแย่ง ส.ส.กันรายวัน ซึ่งหากแกนนำที่เหลือไม่มีความเข้มแข็งหรือทำหน้าที่ดูแลเครือข่ายได้ดีเหมือนว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ ปัญหาการแยกพรรคก็จะเป็นปัญหาสำคัญขึ้นมาได้ ซึ่งในส่วนนี้จะสะเทือนถึงพรรครวมชาติพัฒนาที่อาจจะต้องมีการทบทวนความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อแผ่นดินอีกครั้งก็เป็นได้" นายทวิสันต์ กล่าว
ดังนั้นเมื่อสิ้นว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ฯไปแล้ว เป็นที่น่าจับตามองว่า พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ที่เพิ่งจะมีการรวมตัวกันของพรรคเพื่อแผ่นดินและพรรครวมชาติพัฒนาที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนนำเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือไม่
เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ฯ เป็นผู้วางแผนจัดตัวผู้สมัคร กลยุทธในการเดินเกมส์เตรียมการเลือกตั้ง จนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเตรียมการเลือกตั้งทั้งหมด โดยมีการตั้งเป้าหมายที่จะยึดที่นั่ง ส.ส.เฉพาะจังหวัดนครราชสีมาประมาณ 10 - 12 ที่นั่งจากทั้งหมด 15 ที่นั่ง และอาศัยพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีนายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ ดูแลพื้นที่อยู่
รวมถึงจังหวัดหนองคายที่มีนายพินิจ จารุสมบัติ แกนนำกลุ่ม 3 พี ดูแลอยู่เช่นกัน เจาะที่นั่ง ส.ส.ซึ่งประเมินไว้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินน่าจะได้ ส.ส.รวมกันประมาณ 20 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนั้นเมื่อว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี เสียชีวิตลงแล้ว นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รวมถึงเพื่อนรักกลุ่ม 3 พีที่เหลือจะทำหน้าที่แทนว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ฯ ในการบัญชาการศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน