
สหรัฐเผยวินาทีปลิดชีพบินลาเดน
แม้จะใช้เวลาตามล่าหาตัวนายโอซามา บิน ลาเดน นานนับทศวรรษ แต่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐก็ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการลั่นกระสุนสังหารผู้ก่อการร้ายเบอร์ 1 ในรายชื่อบุคคลที่สหรัฐต้องการตัวมากที่สุด ที่มีการตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมา
หลังจากสืบทราบเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายบิน ลาเดน กบดานอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในเมืองอับบอตตาบัด ทางตอนเหนือของปากีสถาน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา จึงได้ให้ "ไฟเขียว" แก่นายลีออน พาเนตตา ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) เป็นผู้นำในการปฏิบัติการล่าสังหารผู้ก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลกรายนี้ โดยมีทางเลือกว่าจะใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด บี 2 นำลูกระเบิดไปบรรณาการนายบิน ลาเดน ถึงที่พัก หรือจะใช้วิธีการส่งกองกำลังพิเศษเข้าไปยังพื้นที่เพื่อจัดการ "จับกุม" หรือ "สังหาร" นายบิน ลาเดน
ในที่สุดทางเลือกของฝ่ายสหรัฐมาตกอยู่ที่การส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ซีล ทีม ซิกส์ ไปจัดการภารกิจสำคัญของชาวอเมริกันในครั้งนี้ เพราะประธานาธิบดีสหรัฐระบุว่าใช้อำนาจตามมาตรา 50 ในการสั่งเริ่มปฏิบัติการครั้งนี้ ดังนั้นการดำเนินการใดๆ "ต้องเป็นความลับ"
นายพาเนตตาจึงถ่ายทอดคำสั่งไปยังพลเรือเอกวิลเลียม แมราเวน ประธานคณะผู้บัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษ ที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานเพื่อจัดการฝึกฝน หน่วยซีล ทีม ซิกส์ ให้มีความชำนาญต่อการปฏิบัติการในพื้นที่จริง มีการซ้อมปฏิบัติการในยามค่ำคืนถึงวันละ 2-3 รอบ เป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะลงสนามปฏิบัติการจริง เพื่อความพร้อมขั้นสูงสุดของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ "ลับ" ชุดนี้
เมื่อถึงเวลาปฏิบัติการจริง เฮลิคอปเตอร์แบบ "แบล็กฮอว์ก" 2 ลำ นำหน่วยปฏิบัติการพิเศษออกเดินทางจากฐานทัพอากาศบากรามในอัฟกานิสถาน และแวะจอดที่เมืองจาลาลาบัด ก่อนที่จะบินข้ามชายแดนไปยังเมืองอับบอตตาบัด ในปากีสถานที่เป็นจุดหมายของปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยไม่มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ปากีสถานได้ทราบล่วงหน้า ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ปฏิบัติการเพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดจากฝ่ายปากีสถาน และอาจจะใช้จรวดต่อสู้อากาศยานยิงสอยเฮลิคอปเตอร์สหรัฐลงมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมืองอับบอตตาบัดยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองทหารของปากีสถาน และบ้านพักของนายบิน ลาเดน ยังตั้งอยู่ใกล้กับสถาบันการทหารปากีสถาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ปฏิบัติการลับของสหรัฐล้มเหลวมากขึ้นไปอีก
แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนเมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่นำหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 25 นายเดินทางมาถึงพื้นที่ปฏิบัติการ ที่มีการวางแผนไว้ว่าจะใช้วิธีการโรยตัวลงมายังหลังคาบ้าน แต่แผนการต้องเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันเมื่อ ฮ.ลำหนึ่งไม่สามารถประคองตัวในอากาศที่เบาบางเพราะความร้อน และเกิดปัญหาด้านเครื่องยนต์ ฮ.ทั้งสองลำจึงต้องลงจอดยังพื้นที่โล่งในบ้านนายบิน ลาเดน ก่อนที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้ง 25 นายต้องเปลี่ยนแผนการบุกในฉับพลัน และพบว่าในอาคารบ้านพัก มีเด็กและผู้หญิงอาศัยอยู่มากกว่า 20 คน ซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษต้องถือว่ากลุ่มคนที่อยู่ในบ้านหลังนี้เป็นอันตรายทุกคน เพราะอาจจะมีคนใดคนหนึ่งที่สวมเสื้อกั๊กผูกระเบิดฆ่าตัวตายไว้ด้วย
หน่วยซีล ทีม ซิกส์ ได้ปฏิบัติการท่ามกลางความสับสนในช่วง 25 นาที ภาพการปฏิบัติการที่ถ่ายทอดสดไปยังวอร์รูม หรือศูนย์รวบรวมข่าวสารในทำเนียบขาวขาดตอนในช่วงเวลานั้น
ซึ่งในภายหลัง นายพาเนตตา เล่าว่า หน่วยซีล ทีม ซิกส์ ได้สังหารคนนำสาร ภรรยา และพี่ชายคนนำสารที่ยิงต่อสู้ ในบริเวณชั้น 1 ของบ้าน ก่อนที่จะบุกขึ้นไปยังชั้น 2 และชั้น 3 ก่อนที่จะเปิดเข้าห้องในชั้น 3 และพบภรรยานายบิน ลาเดนโฟนเข้ามายังสมาชิกทีมซีล เพื่อป้องกันชีวิตสามี ก่อนที่จะถูกยิงที่น่อง และตรวจสอบร่างกายเพื่อดูว่ามีการสวมเสื้อกั๊กผูกระเบิดไว้ในตัวหรือไม่
ในห้องบนชั้น 3 หน่วยซีลยังพบนายบิน ลาเดน และลูกชาย ซึ่งสมาชิกทีมซีลได้ลั่นกระสุนสังหารเข้าหน้าอกของนายบิน ลาเดน ก่อนที่จะยิงซ้ำที่บริเวณเบ้าตาซ้าย ทะลุสมอง และสังหารลูกชายของนายบิน ลาเดน ตายตกไปตามกัน และได้แจ้งศูนย์บัญชาการว่าสังหาร "เจอโรนิโม" (ชื่อรหัสของนายบิน ลาเดน ในปฏิบัติการครั้งนี้) แล้ว
หลังจากนั้นหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้รวบรวมเอกสารและหลักฐานภายในห้องและบ้านของนายบิน ลาเดน ทั้งยังนำศพนายบิน ลาเดน กลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ที่จอดลอยลำในทะเลอาระเบียเหนือ โดยใช้เวลาปฏิบัติการเพียง 40 นาที
เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ลั่นกระสุนสังหารเมื่อเทียบกับการตามล่านายบิน ลาเดน ที่ใช้เวลานานกว่าทศวรรษนั้นคุ้มค่าสำหรับชาวอเมริกันและประชากรโลกหรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์