"ซาวาฮีรี"ว่าที่ผู้นำอัล-ไกดาคนใหม่ | คมชัดลึก

 นายอัล-ซาวาฮืรี ซึ่งสหรัฐตั้งค่าหัวจับเป็นหรือจับตายมากที่สุดในโลกถึง 25 ล้านดอลลาร์หรือราว 750 ล้านบาท ถือเป็นมันสมองสำคัญตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังนายบิน ลาเดนและกลุ่มอัล-ไกดามาตลอด

 ยิ่งในช่วงหลังปี 2547 นายบิน ลาเดนซึ่งมีสุขภาพทรุดโทรมลงจากโรคภัยรุมเร้าหลายโรคก็ค่อยๆ ผ่องถ่ายอำนาจให้มือขวาผู้นี้ โดยมักจะปรากฏตัวด้วยกันในวิดีโอเทปประณามสหรัฐและชาติพันธมิตร ก่อนที่นายบิน ลาเดนจะค่อยๆ หายหน้าไปปล่อยให้มือสองทำหน้าที่แทน

 ในวิดีโอเทปล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว นายอัล ซาวาฮิรีได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมลุกขึ้นต่อสู้กับกองกำลังของนาโตและสหรัฐที่กำลังโจมตีลิเบียอยู่ในขณะนี้

 ที่ผ่านมา นายอัล ซาวาฮิรี ซึ่งเป็นพวกสายเหยี่ยวสุดโต่งได้ย้ำเสมอว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูของอิสลาม และการทำสงครามจิฮัดตอบโต้ จำเป็นต้องมีการควบคุมดินแดนเพื่อจัดตั้งรัฐอิสลาม แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเสียที

 ในรายงานของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐระบุว่าศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ผู้นี้ได้เข้ากุมอำนาจส่วนกลางของอัล-ไกดา ช่วงที่อัล-ไกดาแตกย่อยเป็นกลุ่มอิสระ หลังสงครามในอิรักเปิดฉากขึ้น การเสียชีวิตของนายบิน ลาเดน อาจส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในระดับผู้นำของอัล-ไกดาที่มาจากปากีสถาน อัฟกานิสถาน เยเมน หรือโซมาเลีย แต่จะมีผลกระทบเพียงเล็ก

น้อยต่อการดำเนินงานรายวันของอัล-ไกดา

 สำหรับประวัติของผู้นำอัล-ไกดาคนใหม่นี้ก็โชกโชนและโชกเลือดพอๆ กับนายบิน ลาเดน โดยเกิดในครอบครัวเศรษฐีชาวอียิปต์ พ่อเป็นแพทย์ผู้โด่งดัง ส่วนปู่เป็นหนึ่งในผู้นำศาสนานิกายสุหนี่ เริ่มเข้าร่วมกับกลุ่มมุสลิมสุดโต่งขณะอายุยังน้อย แค่อายุ 15 ปีก็ถูกจับในข้อหาเป็นสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิมหรือมุสลิม บราเธอร์ฮู้ด อันเป็นกลุ่มนอกกฎหมาย ต่อมาจับขัง 3 ปีในข้อหาหัวรุนแรงและพัวพันกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีอันวาร์ ซาดัตเมื่อปี 2524 รวมทั้งเป็นตัวการสังหารหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติในเมืองลักซอร์เมื่อปี 2540

 หลังศาลตัดสินประหารชีวิต ได้หลบหนีออกจากอียิปต์มุ่งหน้าไปเมืองเปชาวาร์เพื่อทำสงครามต่อต้านทหารรัสเซียที่ยึดครองอัฟกานิสถานอยู่ในช่วงนั้น โดยทำหน้าที่เป็นแพทย์สนามคอยดูแลนักรบที่บาดเจ็บ จนได้รู้จักกับนายบิน ลาเดน

 หลังจากนายบิน ลาเดนตั้งกลุ่มอัล-ไกดาขึ้นมา ศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ผู้นี้ซึ่งเคยถูกรัสเซียจับกุมขณะพยายามชักชวนคนหนุ่มสาวให้เข้าร่วมทำสงครามจิฮัดในเชเชนหรือเชชเนีย ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายปฏิบัติการ และเป็นหนึ่งในห้าแกนนำที่ร่วมลงนามในคำประกาศ "ฟัตวา" ของนายบิน ลาเดนที่เรียกร้องให้เปิดฉากโจมตีพลเรือนอเมริกัน

 ต่อมาสหรัฐได้สั่งฟ้องในข้อหามีส่วนร่วมกับการถล่มสถานทูตสหรัฐที่เคนยาและแทนซาเนียเมื่อปี 2541 ในปีต่อมาก็ถูกศาลอียิปต์ตัดสินประหารชีวิตแม้จะยังไม่ถูกนำตัวขึ้นศาลก็ตาม

 เชื่อกันว่าเป็นตัวการวางแผนให้ถล่มอาคารเวิลด์เทรดเมื่อเดือนกันยายน 2544 และได้หลบลงใต้ดินนับตั้งแต่สหรัฐประกาศทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้าย

  ระหว่างที่พญาอินทรีอเมริกาส่งทหารไปยึดครองอัฟกานิสถาน ก็ได้ออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่านายอัล-ซาวาฮืรีถูกระเบิดตายไปแล้ว หวังจะทำลายขวัญของนักรบอิสลามสุดโต่ง แต่ก็ไม่ได้ผล ขณะที่ดวงของผู้นำมือสองของอัล-ไกดา ยังแข็งอยู่สามารถหนีรอดหวุดหวิดขณะขีปนาวุธของสหรัฐถล่มหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในปากีสถานเมื่อต้นปี 2549  มีผู้เสียชีวิต 8 คน

 ก่อนหน้านี้มีรายงานว่านายอัล ซาวาฮิรีได้แต่งงานใหม่และมีลูกสาวคนหนึ่งซึ่งเกิดเมื่อปลายปี 2548 หลังจากภรรยาคนแรก ลูกชายและลูกสาว 2 คนเสียชีวิตระหว่างฝูงเครื่องบินรบของสหรัฐถล่มเมืองกันดาฮาร์ในอัฟกานิสถาน เมื่อปลายปี 2544

 เห็นประวัติโชกโชนนี้แล้ว กลัวแต่ว่าหลังจากนี้ โลกอาจจะร้อนผ่าวมากกว่านี้ก็ได้