
วุฒิห่วงไทย-เขมรแรงช่วงรบ.รักษาการ
วุฒิสภาห่วงปัญหาไทย-เขมร รุนแรง จี้รัฐบาล กำหนดมาตรการดูแลประเทศช่วงไม่มีรัฐบาลถาวร พร้อมตั้งคณะทำงานถาวร สร้างเอกภาพทำงานเชิงข่าว เรียกร้อง ก.วัฒฯ จดสิทธิบัตรสถาปัตยกรรม,ศิลปไทย หลังได้รับอีเมลล์แจ้งเตือน กัมพูชา อ้างศิลปในวัดพระแก้วไทยลอกเขมร คำน
(2พ.ค.) ในการประชุมวุฒิสภามีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ประธานในที่ประชุม ช่วงเปิดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หารือ นั้น ส.ว.ส่วนใหญ่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังมีการปะทะ โดย นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีน หารือว่าตนเป็นห่วงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่มีรัฐบาลรักษาการ นานประมาณ 3 เดือนนั้น ขอเสนอให้รัฐบาลรักษาการกำหนดมาตรการป้องกัน หรือตอบโต้ที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาชายแดนในประเด็นการตอบโต้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน หากตอบโต้ไม่เหมาะสม เช่น รุนแรงเกินไปอาจทำให้เป็นปัญหาได้ในอนาคต นอกจากนั้นแล้วในช่วง 60 วันหลังจากที่มีการยุบสภาแล้ว รัฐบาลควรสร้างหลักประกันที่ทำให้ประชาชนอุ่นใจว่าเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน รวมถึงปรากฎการณ์จอมืดเพราะดาวเทียมไทยคม หรือการหมิ่นสถาบันจะไม่ส่งผลกระทบ ดังนั้นตนขอเรียกร้องว่าก่อนการยุบสภา รัฐบาลและวุฒิสภาควรกำหนดภาระกิจร่วมกันเพื่อให้บ้านเมืองสงบและประชาชนอุ่นใจจนกว่าการเลือกตั้งและแล้วเสร็จและได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร
ด้านนายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง หารือว่าขอเรียกร้องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงกลาโหม ให้เร่งดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือนายวีระ สมความคิดและ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกประเทศกัมพูชานานกว่า 3 เดือนแล้ว
ส่วนนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาหารือว่าจากกรณีที่รัฐบาลไทยและกัมพูชา ยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยได้กำหนดเป็นข้อตกลงร่วมกัน (ทีโออาร์) ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 พฤษภาคมนั้น ตนมองว่าทีโออาร์ดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ และสอดคล้องกันคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการเห็นชอบทีโออาร์ดังกล่าวต้องผ่านกระบวนการเห็นชอบจากรัฐสภา หรือต้องผ่านกระบวนการเผยแพร่ไปยังประชาชน 4 ขั้นตอน ก่อนรัฐบาลถึงจะลงนามได้
ทางด้านนางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือโดยเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ตั้งหน่วยงานระดับประเทศ เช่น การหาข้อมูลเชิงลึก การศึกษาข้อมูล ทางด้านประวัติศาสตร์ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่องด้วยความเป็นเอกภาพ หลังจากเกิดการปะทะระหว่างชายแดน แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการด้านการทูตอย่างเข้มข้นแล้ว ตนมองว่าควรทำงานด้านประชาสัมพันธ์ที่เข้มข้นควบคู่กันไป รวมถึงเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาระดับรัฐบาลและผู้ปฏิบัติงาน นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลควรปรับและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกัมพูชาให้เท่าเทียมกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศลาว และประเทศมาเลเซีย เพื่อให้เกิดสันติภาพที่ถาวร
ส่วนนางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา หารือโดยเรียกร้องไปยังกระทรวงวัฒนธรรมให้รีบจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย สถาปัตยกรรม เช่น วัดพระแก้ว ระนาด ขิม ปี่พาทย์ เนื่องจากตนได้รับจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ (อีเมลล์) จากเพื่อนระบุว่าขณะนี้ประเทศกัมพูชาพยายามกล่าวอ้าง และขโมยศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมของไทยไปเป็นของตนเอง และอ้างว่าศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมดังกล่าวนั้นประเทศไทยได้ลอกเลียนแบบจากกัมพูชา



