ข่าว

สั่งปิดศูนย์อพยพชาวสุรินทร์กลับบ้าน

สั่งปิดศูนย์อพยพชาวสุรินทร์กลับบ้าน

02 พ.ค. 2554

ผู้ว่าฯสุรินทร์แถลงข่าวสั่งปิดศูนย์อพยพฯ 35 แห่งที่มีชาวบ้าน 44,000 คน และให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังทหารทั้งสองฝ่ายหยุดยิงมา 2 วัน ขณะที่มีรายงานเขมรส่งชาวบ้าน1.4หมื่นคนจับปืนสู้

 (2พ.ค.)หลังจากทางเจ้าหน้าที่ของทหารไทยนำโดย พ.อ. ณัฐ ศรีอินทร์  เสนาธิการกองกำลังสุรนารี และ พ.อ. อดุล บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ได้มีการร่วมหารือทางทหารกับผู้นำทางทหารระดับท้องที่ของฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.

 จากผลการเจรจาเป็นไปในทิศทางที่ดี  เพราะ 2 วันที่ผ่านมาได้ยุติลง   ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่อย่างไรก็ดีทางทหารไทยไม่ได้ประมาทและนิ่งนอน โดยวันที่ 2 พ.ค. 54 จะมีการประชุมของฝ่ายจังหวัดสุรินทร์ว่า จะมีการส่งประชาชนผู้อพยพกลับบ้านหรือไม่  ซึ่งทาง นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ จะปรึกษาหารือกับ แม่ทัพภาคที่ 2 ในวันนี้เวลา 09.00 น. โดยผลการประชุมคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. และหากแม่ทัพภาคที่  2 พิจารณาว่าสถานการณ์ปลอดภัยก็จะประกาศให้ประชาชนกลับบ้านได้   ส่วนทหารไทยที่รักษาพื้นที่ก็พร้อมที่จะรักษาอธิปไตย และจะยังคงให้ทหารตามแนวชายแดนรักษาเขตแดนไทยไว้อย่างเข้มแข็ง  หากการเจรจาไปในทางลบ หรือบวกก็จะไม่ยอมเสียปราสาทตาเมือนธม- ปราสาทตาควายไปอยู่ดี
       
      ถ้าหากวันนี้มีการประกาศปิดศูนย์อพยพหรือส่งประชาชนกลับ ทางกองทัพภาคที่  2 จะร่วมกับทางจังหวัดสุรินทร์ ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยสามารถสนับสนุน รถทหาร, กำลังพล และยังคงรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนต่อเนื่องต่อไป
   
           หน่วยข่าวทางทหารยืนยันว่า ขณะนี้ทหารกัมพูชาที่มารบในแนวหน้า ได้เริ่มถอนตัวออกจากการรบโดยไม่สนใจคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาหลายนายแล้ว เนื่องจากเริ่มเห็นข้อเท็จจริงว่าได้ถูกผู้นำทหารของตนใช้ให้ไปรบ โดยไม่มีการรับผิดชอบครอบครัว หรือให้สินไหมทดแทนแต่อย่างใด  หากการสูญเสียชีวิตในพื้นที่การปะทะใกล้กับพื้นที่ของทหารไทยมากๆ ก็จะไม่ไปรับศพกลับ ปล่อยทิ้งไว้ให้ศพนอนเน่าเหม็น หากเสียชีวิต ก็จะไม่มีสวัสดิการใดๆ เหมือนทหารไทย  และก็ไม่อยากสู้รบกับทหารไทยที่เคยเป็นเพื่อนรักกันมา    
   
           ทหารกัมพูชา เริ่มเหนื่อยล้าจากการรบ และเริ่มเห็นถึงการถูกหลอกเป็นเครื่องมือ ของ นาย ฮุน เซน  นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขณะนี้ทหารไทยจึงได้เปรียบทางด้านกำลังใจมากกว่าทหารกัมพูชา  จากจำนวนทหาร ต่อ 1 ฐานที่เคยมีถึง 100  คนเศษ แต่ปัจจุบันมีไม่ถึง 50  คน  ขณะนี้ทางทหารกัมพูชาต้องจัดทหารที่เพิ่งเกณฑ์เข้ามาใหม่ๆ มาทดแทนทหารเก่าๆ ที่สูญเสีย และบางนายที่อยู่กับกองทัพมานานแต่ก็ไม่เคยได้รับเงินเดือนและการเหลียวแลจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูงเลย
  
              ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมากพลู จำนวนกว่า 2,000 ชุด ให้กับผู้สูงอายุที่ศูนย์อพยพต่างๆ ทั้งในจังหวัดสุรินทร์ และ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมอบหมายให้ พ.อ.ปรีดา บุตราช ผอ. กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2  เป็นตัวแทนมอบให้ ณ ศูนย์อพยพบ้านโคกกลาง    ต.โคกกลาง จ. สุรินทร์  และ ศูนย์อพยพบ้านตาเบา  พร้อมกับมอบไข่ไก่สด  ที่ได้รับมอบจาก แม่ทัพภาคที่ 2  จำนวน 12,000 ฟอง  โดยจะนำมอบให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านต่างๆ 
 
               ประชาชนรักษาหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์  พร้อมใจกันร่วมกรอกกระสอบทรายเพื่อมอบให้ทหารที่อยู่หน้าแนว  โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป และในการนี้ ผู้ใหญ่บ้าน และลูกบ้านหนองคันนา ได้มีการประกอบอาหารเลี้ยงเจ้าหน้าที่ทหาร ชรบ. หมู่บ้าน  และลูกบ้านที่ร่วมงานกันทุกคน
   
              นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา จะเดินทางมาเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพที่ โรงเรียนโสตศึกษา และจะเดินทางไปไปเยี่ยมประชาชนตามศูนย์อพยพอื่นๆ ด้วย  จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารไทย - กัมพูชา ตั้งแต่ วันที่ 22 เม.ย.2554  ถึงปัจจุบัน ได้เบาบางลง ผลการการสู้รบทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บ และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ จำนวน 35นาย

สั่งปิดศูนย์อพยพให้ชาวบ้านกลับภูมิลำเนา

 ต่อมานายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดแถลงข่าวที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ว่าวันนี้ได้สั่งปิดศูนย์อพยพฯ จำนวน35ศูนย์ ที่มีชาวบ้านมาอพยพจำนวน 44,000 คน และให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คงเหลือไว้เพียงที่นิคมสร้างตนเอง อำเภอปราสาท  เท่านั้นโดยขอรอดูสถานการณ์อีก3วัน ส่วนหมู่บ้านที่อยู่ติดชายแดน ทั้ง2หมู่บ้าน จะมีการเสริมกำลังตำรวจเข้าไปช่วยรักษาความปลอดภัยต่อไป 

 เขมรส่งชาวบ้าน1.4หมื่นคนจับปืนสู้

 ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ พ.อ.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารชายแดนที่ 402 ภูมิภาคทหารที่ 4 ประเทศกัมพูชา ซึ่งควบคุมกำลังการรบ ด้านปราสาทตาเมือนธม ได้โทรศัพท์ มาประสานงานกับ พ.อ.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 ฐานปฎิบัติการปราสาทตาเมือนธม และ พ.อ.ณัฐ ศรีอินทร์ เสนาธิการกองกำลังสุรนารี เพื่อขอยุติการสู้รบกับทหารไทย เมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ 1 พ.ค. และยอมถอนกำลังทหารทั้งหมด ออกจากแนวชายแดน ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม

 พ.อ.ปรีดา บุตรราช หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ทหารกัมพูชายิงอาวุธปืนเล็กและปืน ค. เข้ามาที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม แต่ทหารไทยยังไม่ตอบโต้ กระทั่งเวลา 23.00 น. กัมพูชาได้ขยับกำลังพลปรับแนวรบ ทหารไทยจึงยิงตอบโต้เพื่อผลักดัน โดยฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 04.00 น. เสียงปืนจึงสงบ การปะทะครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

 "ทหารกัมพูชายังยิงเข้ามาตลอดแนวชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม แสดงให้เห็นว่าการเจรจาไม่เป็นผล ไม่น่าเชื่อถือ ที่ผ่านมากัมพูชาไม่เคยทำตามสัญญา จึงไม่สามารถเชื่อใจทหารกัมพูชาได้อีกแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เคยเจรจาหยุดยิงกับ พล.ท.เจีย มอน แม่ทัพภูมิภาคที่ 4 ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน ทหารกัมพูชาทำเหมือนเล่นละครไว้ใจไม่ได้ ดังนั้นทหารที่อยู่หน้าแนวรบจะไม่ประมาท ยังจับตาความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมตลอดเวลา" พ.อ.ปรีดากล่าว

ปลุกเขมร1.4หมื่นคนจับอาวุธ

 พ.อ.ปรีดากล่าวอีกว่า ขณะนี้กองกำลังของกัมพูชามีอยู่ 4 ส่วน คือกองกำลังที่ทางกัมพูชาได้แจกอาวุธสงครามให้ชาวบ้านลุกขึ้นมาสู้ 1.4 หมื่นคน ทหารหน่วยรบพิเศษ 911 ของ พล.ท.ฮุน มาเนต บุตรชายสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  700-1,000 นาย ส่วนเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม 21 จำนวน 22 คัน ย้ายฐานไปอยู่ที่ อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย หลักจากที่ถูกทหารไทยโจมตีพังเสียหายไป 2 คัน

 “การสู้รบตามแนวชายแดนที่ยังมีอยู่ประปราย เนื่องจากทหารกัมพูชาที่มีความเครียด โกรธแค้น และหวาดระแวง อีกทั้งยังมีนักรบรับจ้างซึ่งเป็นชาวบ้านกว่า 1.4 หมื่นคน ที่รับจ้างเข้ามาสู้รบทำให้การยิงเกิดความไม่มีวินัย” พ.อ.ปรีดากล่าว

 ด้าน พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกระแสข่าวว่าสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้มอบอาวุธปืนให้ประชาชนชาวกัมพูชามายิงต่อสู้กับทหารไทยว่า ตนไม่ทราบข่าวนี้ หากมีจริงก็เป็นเรื่องภายในของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็นับว่าดีขึ้นมาก แทบจะไม่มีการปะทะกันด้วยอาวุธหนักเลย ตอนนี้เราเอาดินน้ำมันไปอุดปืนใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ยิงกันไม่ออกหรอก

 พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในความรับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 จ.สระแก้วอยู่ในขั้นปกติ ไม่มีปัญหา เพราะทหารกัมพูชาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรที่อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง แต่กองทัพไม่ประมาทมีการเตรียมความพร้อมตลอด อย่างไรก็ตามพล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้บัญชาการบ.กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์(ผบ.พล.ร. 2 รอ.)ได้หารือกับผบ.ทหารกัมพูชา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีการยืนยันจากทางกัมพูชาว่าจะรักษาระเบียบวินัยของทหารจะไม่ให้เกิดปัญหาในด้าน จ.สระแก้ว

“สุเทพ”เผยเขมรไร้ระบบสั่งการระส่ำระสาย

 นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีการยิงปะทะกันประปราย ขณะเดียวกันกัมพูชาก็ขอเจรจา มองว่าเป็นแผนอะไรหรือไม่ว่า เราก็ติดตามดูว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร ซึ่งวันที่ 7 พ.ค.นายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชาก็จะได้พบกันในการประชุมอาเซียนอยู่แล้ว ถึงวันนั้นก็จะได้ดูและประเมินให้ชัด ไม่ว่ากัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรเราก็มีความพร้อมสำหรับการควบคุมสถานการณ์ที่ชายแดน ปกป้องประชาชนและอธิปไตยของเรา ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราทำได้ดี กองทัพไทยมีความพร้อมมาก

           ผู้สื่อข่าวถามว่ากองทัพมีอุปกรณ์ใหม่ ๆ มากมาย ไม่เห็นเอามาใช้ เช่นรถถัง รถหุ้มเกราะยูเครน ไม่นำมาโชว์สมรรถนะเลย รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ลงไปดูว่าเขาใช้อะไรบ้าง ไม่ได้ใช้อะไรบ้าง เรียกไม่ค่อยถูก ไม่มีความรู้เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์หรือยุทธวิธีในการรบ แต่เท่าที่ติดตามมา ดูสถานการณ์และพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาทางฝ่ายทหารทุกระดับตั้งแต่รมว.กลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก เชื่อมั่นว่ากองกำลังของเรามีขีดความสามารถเหลือเฟือ เพียงพอที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ
  
         ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจาก 2 ปราสาทได้หมดหรือยัง รองนายกฯ กล่าวว่า เอาเป็นว่าไม่ให้ทหารกัมพูชามาอยู่ในที่ที่เราถือว่าเป็นของเรา เมื่อถามย้ำว่ารวมถึงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในพื้นที่ 4.6 นั้นยังมีเรื่องของประชาชน เรื่องของทหารกัมพูชาที่เดินเข้าออก หรือผ่านไปมาอยู่ ยังไม่ชัดเจน แต่ไม่ให้ทหารเขามาตั้งเป็นฐานที่มั่น  เท่าที่ทราบกัมพูชา มีความระส่ำระสายนิดหน่อย ไม่ค่อยแน่ใจว่าระบบเขาเป็นอย่างไรในขณะนี้

  ผู้สื่อข่าวถามว่าล่าสุดมีข่าวว่ทางกัมพูชาชาถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทตาควายแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงต้องให้โฆษกกองทัพบกเป็นผู้แถลงจะได้ชัดเจน

 อย่างไรก็ตามในส่วนของการทำบังเกอร์ให้ทหาร หรือหลุมหลบภัยให้ประชาชนในพื้นที่นั้นกำลังลงมือทำอย่างเร่งรีบและคิดว่าจะเสร็จในเร็ว ๆ นี้ ส่วนบังเกอร์ของทหารเขาดำเนินการเอง