
เขมรเจรจาหยุดยิงตาเมือนธมรับตายมาก
เนี๊ย วงศ์ รอง ผบ.พลน้อยที่ 402 กัมพูชา ขอเจรจาทหารไทย หยุดยิงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ขอเก็บศพทหารเขมรจำนวนมากเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ ขณะที่ทหารพรานไทย สร้างรั้วกั้น-นำธงประจำกองร้อยสิงห์ขาว สีส้มเขียว ปักหน้าปราสาท แสดงอธิปไตยห้ามเขมรรุก
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 1 พ.ค. พ.อ.เนี๊ย วงศ์ รอง ผบ.พลน้อยที่ 402 กัมพูชา ได้ติดต่อเข้ามา เจรจากับ พ.อ.อดุยล์ บุญธรรมเจริญ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 26 เพื่อเจรจาหยุดยิงในระดับพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รวมทั้งเพื่อทำการเก็บศพและเคลียศพทหารกัมพูชา ที่เสียชีวิตจำนวนมากออกจากพื้นที่ป่าตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ โดยทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันในระดับพื้นที่ว่าจะหยุดยิง
ขณะที่ทหารพรานไทยได้มีการนำธงประจำกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 สิงห์ขาว ซึ่งเป็นธงประจำกองร้อยมีสีส้มเขียวมาปักที่บริเวณหน้าตัวปราสาท เพื่อแสดงอธิปไตยให้เห็นว่าทหารกัมพูชาห้ามเข้ามาในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม และห้ามมาเดินหรือป้วนเปี้ยนบริเวณรั้วและห้ามทำลายรั้วลวดหนามที่ทหารไทยได้ทำขึ้นมาใหม่ด้วยไม้กั้นทางขึ้นปราสาท และยังมีรั้วลวดหนามล้อมรอบอีกชั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ดี ที่กัมพูชาพยายามติดต่อเจรจาเพื่อหยุดยิงในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงโดยเร็ว ขณะที่บริเวณจุดปะทะ ช่องกร่าง และปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก ก็กำลังมีการเจรจากัน ระหว่างผู้บังคับหน่วยทหารของไทยและกัมพูชา เพื่อยุตจิการสู้รบ จาการกดดันอย่างหนัก ของทหารไทย ประกอบกับทหารกัมพูชา ขาดขวัญกำลังใจอย่างหนัก และทนรับสภาพกลิ่นเน่าเหม็นของศพ ทหารที่ตายไปแล้ว ไม่ได้ คาดว่าจะมีการแนวทางการยุติการปะทะกันในเร็วนี้
เผาศพ2ชาวบ้านแล้วหลังเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวเรยา แสงตะวัน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 19 บ้านเขาโต๊ะ ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นอนเสียชีวิตที่ศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาทฯเมื่อเวลา 01.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีอาการตัวร้อนและหายใจติดขัดก่อนที่ญาติจะพาไปหาแพทย์ภายในศูนย์อพยพและให้ยามารับประทาน จากนั้นได้นอนหลับและเสียชีวิตในเวลาดังกล่าว ซึ่งได้มีการนำศพไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพและประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อเวลา 13.40 น.ของวันเดียวกันที่ผ่านมา ภายในเมรุวัดนิคมปราสาท ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวและญาติ โดยทาง จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวละ 40,000 บาท
ขณะที่ ศพของนางทอง ขันติวงค์ อายุ 76 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 19 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้มีพิธี บำเพ็ญกุศลศพและประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อเวลา 13.30 น.ที่วัดบ้านบัลลัง อ.ปราสาท เช่นเดียวกัน หลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอำเภอปราสาท และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอำเภอปราสาทเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยโรคประจำตัว ซึ่งทางจังหวัดสุรินทร์ ได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นจำนวนหนึ่งเช่นกัน ท่ามกลางความเศร้าสลดของครอบครัวและญาติพี่น้องเช่นกัน
ด้าน นายหอน แสงตะวัน ชาวบ้านพิการตาบอด พ่อของนางสาวเรอยา กล่าวว่า การปะทะของทหารวันแรก ตนกับนางแอน แสงตะวัน อายุ 76 ปี ภรรยาและลูกยังไม่ได้อพยพมาอยู่ศูนย์อพยพ อาศัยหลบอยู่ในท่อระบายน้ำในหมู่บ้าน ด้วยความเป็นห่วงบ้านและลูกสาวที่ตายเป็นคนพิการปัญญาอ่อน เกรงว่ามาอยู่ศูนย์จะเป็นภาระต่อคนอื่น แต่พอวันที่ 26 เมษายน เขมรยิงปืนใหญ่ บีเอ็ม 21 เข้ามา กลัวมากจึงพากันมาอยู่ที่ศูนย์อพยพนิคมสร้างตนเอง อ.ปราสาท
ต่อมาทางการให้ย้ายจึงมาอยู่ที่หอประชุมเทศบาลนิคมสร้างตนเอง ก่อนตายลูกสาวมีอาการเครียดจากการมาอยู่สถานที่แปลกจากชีวิตประจำวัน และมีผู้คนมาก ตนเองกับภรรยาช่วยกันปลอบ ตกกลางคืนจึงนอน มารู้สึกตัวเวลา 01.00น.ของวันนี้เห็นลูกนอนนิ่ง จึงปลุกแต่ไม่ตื่น จึงรู้ว่าลูกตายแล้ว จึงเสียใจมาก ทางบ้านยากจนไม่มีเงิน ได้ ตชด.กองร้อย ตชดที่ 21 ที่ช่วยนำศพมาไว้ที่วัด และตัดสินใจเผาศพลูกในวันนี้แล้วนำกระดูกลูกไปเก็บไว้ที่บ้านหลังสงครามจบสิ้น
พระราชินีพระราชทานถุงยังชีพผู้อพยพบุรีรัมย์
เมื่อเวลา 15.00 น.สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกา สภากาชาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ นำถุงยังชีพ "ชุดธารน้ำใจสภากาชาดไทยพระราชทาน" จำนวน 400 ชุด และชุดเครื่องนอนเด็กแรกเกิดอีกจำนวน 10 ชุด มามอบให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบการสู้รบระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา ที่มาอาศัยพักพิงอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม ต.โนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวน 9 ศูนย์ ที่มีชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวชายแดนมาอาศัยพักพิง ท่ามกลางความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณ แก่ผู้ประสบภัยเป็นล้นพ้น พร้อมกันนี้ผู้แทนพระองค์ยังได้เยี่ยมให้กำลังใจแก่ชาวบ้านในศูนย์อพยพดังกล่าว
หลังจากมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชา ด้านชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งแต่วันที่ 22 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้เป็นเวลา 10 วัน ล่าสุดวันนี้ชาวบ้านผู้ลี้ภัยตามศูนย์อพยพต่างๆ ได้ทยอยกลับเข้าบ้านแล้ว ซึ่งขณะนี้รวมทั้ง 9 ศูนย์เหลือผู้อพยพอยู่กว่า 2,000 คน ส่วนใหญ่ก็จะยังเป็นเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ จากเดิมที่มียอดผู้อพยพอยู่กว่า 9,000 คน ขณะที่ทางอำเภอยืนยันจะยังไม่มีการปิดศูนย์ฯ จนกว่าสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนจะคลี่คลาย
ด้านนางพันธุ์ พุทเทศ อายุ 31 ปี และนางน้อย คุ้มแวง อายุ 60 ปี ชาวบ้านบ้านสายโท 12 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด ที่ยังพักพิงอยู่ในศูนย์อพยพ บอกว่า ลี้ภัยมาอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวตั้งแต่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชาตั้งแต่วันที่แรกจนถึงขณะนี้เป็นเวลา 10 วันแล้ว ก็เป็นห่วงทรัพย์สิน บ้านเรือน สวนยางพาราและอยากจะกลับบ้าน แต่ก็ยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพระขณะนี้ยังมีเสียงปืนดังประปราย ถึงแม้ทางแม่ทัพภาค 2 จะออกมาเปิดยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนเริ่มคลี่คลาย และสามารถกลับเข้าบ้านได้ภายใน 1 - 2 วัน เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายหากเกิดการปะทะขึ้นอีก แต่หากทางอำเภออนุญาตให้กลับก็จะกลับ แต่ก็จะเตรียมพร้อมที่จะอพยพออกมาทุกเมื่อหากเกิดการปะทะขึ้นอีก