ข่าว

ทฤษฎีฝัดข้าว

ทฤษฎีฝัดข้าว

29 เม.ย. 2554

เช้าวันอังคาร มิตรสหายในชนบทกว่า 700 คน เดินทางด้วยรถบัส 15 คัน ต่างพร้อมใจกันเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช หลังจากนั้น พวกเขาเดินทางต่อไปที่ บก.ทบ. เพื่อให้กำลังใจ ผบ.ทบ.

 "กินข้าวอยู่ร้านบ้านสวนเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับ"

 สหายหนุ่มใหญ่จากสกลนคร โทรแจ้งหมายสุดท้ายในการเดินทางไกลครั้งนี้ ก่อนหน้านั้นสองวัน เขาโทรมาบอกผมว่า มิตรสหายเตรียมตัวเข้ากรุงเทพฯ โดยมี "สหายนำ" เขตงาน 666 (ดงมูล) เป็นผู้นำพาไปทำกิจกรรมดังที่เล่ามาข้างต้น

 จากเรื่องเล่าการเดินทางไกลของสหายเก่า เข้าใจว่าสหายบางกลุ่มได้ฟังข่าวคราวคงสวมหมวกให้เป็น "พวกของปลอม"

 เหมือนกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สมัยที่พวกเรายังหนุนขอนนอนไพร ท่ามกลางสถานการณ์สงครามยืดเยื้อยาวนาน ประกอบกับสถานการณ์ "พรรคพี่น้อง" ต้องรบราฆ่าฟันกันเอง ย่อมส่งผลให้นักรบดาวแดงสิ้นหวัง ทิ้งป่าคืนบ้าน ทีละคนสองคน

 ผู้ชี้นำการเมืองในหน่วยทหารป่า จึงงัดทฤษฎี "ฝัดข้าว" มาเล่าปลอบประโลมใจให้นักรบไม่หวั่นไหวและเอนเอียงไปตามพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ยกธงขาวกลางศึกสงคราม

 กรรมวิธีการฝัดข้าวนั้น เมื่อตำข้าวจนเปลือกข้าวกะเทาะออกแล้ว ก็จะแยกเมล็ดข้าวและเปลือกข้าวออกจากกัน โดยตักข้าวในครกออกมาใส่ในกระด้ง เพื่อฝัดเปลือกข้าวออกไป

 กระด้งเป็นภาชนะเครื่องสานที่ใช้สำหรับฝัดข้าว และวิธีฝัดข้าว ก็จะตักข้าวที่ผ่านการตำแล้วใส่ในกระด้ง

 ผู้ที่ฝัดข้าวจะถือขอบปากกระด้งด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วร่อนและโยนข้าวขึ้นไปบนอากาศเป็นจังหวะ เปลือกข้าวจะค่อยๆ กระเด็นออกไปจากกระด้ง ในกระด้งก็จะเหลือเพียงข้าวสาร

 "สหาย การปฏิวัติก็เหมือนการฝัดข้าว ข้าวเมล็ดลีบ เปลือกข้าวก็จะกระเด็นออก เหลือแต่ข้าวสาร ฉะนั้นพวกที่ออกไปยอมจำนนต่อศัตรู ก็ไม่ต่างจากเปลือกข้าวที่ไร้ค่า ไม่มีอุดมการณ์ ส่วนพวกเราที่ยังยืนหยัดต่อสู้ต่อไปก็คือข้าวสาร คือนักปฏิวัติผู้มั่นคงในอุดมการณ์"

 ตอนสหายนำเล่าทฤษฎีฝัดข้าวใหม่ๆ คนก็เชื่อ แต่ยิ่งนานวัน ยิ่งเพิ่มจำนวนสหายนักรบที่ทิ้งพรรคไปมอบตัว บางคนเป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นผู้นำพรรค เลยทำให้คนสงสัยทฤษฎีฝัดข้าว

 "พวกที่ออกไปมอบตัว มันเป็นข้าวสารนี่สหาย ไม่ใช่เปลือกข้าว"

 จวบจนเกิดกระแส "ป่าแตก" เมื่อนักรบดาวแดงทั่วประเทศ วางอาวุธเข้ามอบตัวแบบยกเขตงาน จึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า

 "การปฏิวัติเหมือนการฝัดข้าวก็จริง แต่มีใครเคยตั้งคำถามบ้างมั้ยว่า หากผู้ที่ฝัดข้าวไม่เป็น ดันรับหน้าที่ฝัดข้าว ย่อมจะทำให้ข้าวสารและเปลือกข้าวกระเด็นกระดอนออกจากกระด้ง"

 องค์กรปฏิวัติไทยที่ต้องล่มสลาย เพราะผู้ทำหน้าที่ฝัดข้าว ฝัดไม่เป็น แต่ยังรั้นเถียงว่า "ขอบกระด้งไม่ดี มีลมพัดแรง ข้าวสารเลยปลิวตามไปด้วย"

 กรณีการฝัดข้าวนั้น ไม่ว่าองค์กรมวลชนสายพันธุ์ไหน หรือสีใด ย่อมมีสภาพไม่ต่างกัน ถ้าคนฝัดข้าวไม่เป็นก็จะสูญเสียทั้งข้าวสารและเปลือกข้าว
 
 การฝัดข้าวเป็นศิลปะการใช้แรงงาน ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะร่อน จะโยนข้าวขึ้นบนอากาศให้ถูกจังหวะ
 
 ฉะนั้นอย่ามองแค่สิ่งของที่หลุดออกจากขอบกระด้งว่าเลวมาก เลวน้อย หากแต่ต้องมองไปที่คนฝัดข้าวด้วย ฝัดข้าวไม่เป็น ก็เหมือนการทำลายพลังมวลชน เพราะไม่สามารถแยกแยะได้ว่า อันไหนข้าวสาร และอันไหนเปลือกข้าว

 หากหลงเข้าใจว่าเปลือกคือแก่น กระพี้คือแก่น มันก็หนีความปราชัยไปไม่พ้น

 ในหัวสมองมีแต่ความคิดสามานย์ ย่อมไม่สามารถนำมวลชนสู่ชัยชนะได้เช่นกัน

แคน สาริกา