
จับแก๊งปล้นฆ่าโหด"กุ่ยท่าพระจันทร์"
รวบยกแก๊ง " มอญ " เซียนพระท่าพระจันทร์ ปล้นฆ่าโหด " เฮียกุ่ย " สารภาพสิ้น โกรธแค้นถูกผู้ตายดูถูกเหยียดหยาม กล่าวหาว่า เอาพระปลอมมาหลอกขาย รวมหัวลูกน้อง-เมีย ร่วมวางแผน "ลวงปล้นพระ-ชิงเงิน" ไม่คิดยิงถึงชีวิต
(28เม.ย.) เวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สุเมธเรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานด้านการสืบสวน พร้อมด้วย พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนนครบาล ( บก.สส.บช.น.) ร่วมกันแถลงผลเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น.และชุดสืบสวน สน.ศาลาแดง จับกุมแก๊งปล้นฆ่าโหดนายเลิศชัย เลิศวัฒนารมย์ "เฮียกุ่ย " เซียนพระท่าพระจันทร์ เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 21เม.ย.ที่ผ่านมาบริเวณวัดวิศิษฐ์บุญญาวาส ถนนทวีวัฒนากาญจนาภิเษก เขตทวีวัฒนา กทม. ท้องที่ สน.ศาลาแดง ได้ผู้ต้องหา 6 คน
มีนายปอนด์ หรือมอญ อนุสรณ์ อายุ 29 ปีชาวมอญ(คนวางแผน)และหัวหน้าแก๊งค์ "ฉายามอญ" เซียนพระท่าพระจันทร์ พร้อมของกลางพระเครื่องรวม 134 องค์และรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพระเครื่องที่ยึดได้ในตัวนายมอญ 54 องค์ อาวุธปืนรีวอลเวอร์ . 22 จำนวน 1 กระบอก นายวิโรจน์ หรือต่อ ยิ้มพวงสิน อายุ 19 ปีพร้อมของกลางพระเครื่อง 3 องค์ นายนัฐพงษ์ หรือโอ๋ลาย บันไดทอง อายุ 25 ปีพร้อมของกลางรถจักรยายนต์ยนต์ฮอนด้า ทะเบียน สธส 513 กทม.(ใช้ขี่ประกบผู้ตาย)และพระเครื่อง 1 องค์ นายพรเทพ หรือโอ๋บ้า ดั่นเจริญ อายุ 39 ปี นายศุภมิตร หรือต้อง ไทรนิ่มนวล อายุ 25 ปีพร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีฟ้า ทะเบียน ลบษ 47 กทม.คันที่ใช้ก่อเหตุ และน.ส.อำพร ทองประดิษฐ์ อายุ 33 ปี ภรรยานายมอญ พร้อมของกลางพระเครื่องอีก 19 องค์ พร้อมกันนี้เมื่อเย็นวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนยังได้นำกำลังไปตรวจยึดพระเครื่องจากแผงพระห้างเดอะมอลล์ บางแคอีกจำนวน 10 องค์และที่ร้านอาหารป่า ย่านพุทธมณฑลสาย 2 มีนายปอนด์ เป็นเจ้าของซุกซ่อนไว้อีก 46 องค์
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่านายมรหัวหน้าแก๊งเป็นเซียน พระมีแผงอยู่ท่าพระจันทร์เช่นเดียวกับ "เฮียกุ่ย" สาเหตุที่ทำเพราะโกรธแค้นที่ถูกเฮียกุ่ยดูถูกเหยียดหยามว่า นำพระปลอมมาขายให้ ทั้งที่เป็นพระจริงซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่
"ปมสังหารครั้งนี้มีผลสืบเนื่องจากเป็นที่รู้ดีในวงการพระว่าเอียกุ่ยเป็นเซียนหลวงปู่โต๊ะ นายมอญซึ่งมีพระหลวงปู่โต๊ะเป็นมรดกของเก่าที่พ่อนายมอญให้มาจึงนำไปขายให้เซียนกุ่ย พอเวียนกุ่ยได้ดู ก็พูดจาดูถูกนายมอญว่า พระดังกล่าวเป็นของปลอม หากเป็นมรดกตกทอดของพ่อจริง ก็ให้กลับไปขายพ่อมึงเถอะ ทำให้นายมอญรู้สึกโกรธแค้นจึงนำเรื่อมาเล่าให้ลูกน้องฟังและวางแผนลงมือปล้นพระเครื่องของเฮียกุ่ย " ผบก.สส.บช.น.กล่าวและว่า
นายมอญและคนในวงการพระเครื่องรู้ดีว่า เซียนกุ่ยมักจะเดินทางไปดูพระที่นั่นที่นี่บ่อยครั้งและแต่ละครั้ที่ไปก็จะพกพาพระเครื่องและเงินสดติดตัวไปเป็นจำนวนมากจึงวางแผนให้ น.ส.อำพร หรือนก ภรรยานายมอญ โทรศัพท์นัดหมายหลอกให้เซียนกุ่ย มาพบที่เกิดเหตุเพื่อดูพระที่จะขาย โดยมีนายมอญเป็นคนดูต้นทางและคอยส่งข่าวว่า นายกุ่ยเดินทางถึงจุดไหนแล้วบอกเป็นระยะๆ และให้นายโอ๋บ้าและโอ๋ลาย ขี่รถ จยย.ตามประกบ มีนายศุภมิตร หรือต้อง เป็นคนขี่รถจยย.ให้มือยิงคือนายทะนงค์ หรือนงค์ นุขุนทด อายุ 42 ปีมือยิงที่หลบหนีไปได้ซ้อนท้ายไปถึงที่เกิดเหตุ
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวต่อว่า คนร้ายต้องการเพียงล่อลวงเฮียกุ่ยมาทำร้ายและปล้นทรัพย์เท่านั้นแต่ผู้ตายต่อสู้ขัดขืนและชักปืนเตรียมจะยิง นางทะนงค์ มือปืนจึงชิงลงมือก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจาก น.ส.อัมพร ออกอุบายนัดหมายเฮียกุ่ยมาที่เกิดเหตุ และบอกว่ามีพระบูชาจำนวน 70 องค์ต้องการขาย เมื่อถึงเวลานัดหมายโดยเฮียกุ่ยเดินทางพร้อมลูกน้องอีก 2 คน กลุ่มคนร้ายได้เข้าไปถามกลุ่มผู้ตายว่า เป็นเซียนพระชื่อเฮียกุ่ยหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิดตัว จากนั้นจึงใช้ปืนจ่อหัวทำทีปล้น แต่เฮียกุ่ยขัดขืนนายทะนงค์จึงใช้ปืนยิงผู้ตายล้มลง
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวในตอนท้ายว่า ผู้ต้องหาสารภาพว่าเท่าที่พูดคุยวางแผนกันครั้งแรกเพียงแค่ต้องการเอาปืนไปจ่อหัวเฮียกุ่ยแล้วปล้นทรัพย์เท่านั้น แต่ผู้ตายต่อสู้ขัดขืนจึงลงมือยิง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คนรับสารภาพในทำนองเดียวกัน ส่วนนายทะนงค์มือปืนที่หลบหนีอยู่นั้นได้ส่งกำลังฝ่ายสืบสวนติดตามอย่างกระชั้นชิดแล้ว โดยคนร้ายได้นำอาวุธปืนของผู้ตายไปด้วย ซึ่งได้กำชับผู้ปฏิบัติไปว่า หากขัดขืนต่อสู้ก็ใช้วิธีขั้นเด็ดขาดทันที
ขณะเดียวกันอยากฝากไปถึงพวกเซียนพระทั้งหลายที่รับซื้อพระไปจากกลุ่มบุคคลพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นแผงพระเดอะมอลล์บางแคหรือที่อื่นๆ ให้นำมาคืนทั้งหมด มิฉะนั้นจะดำเนินคดีรับของโจรเพราะขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพหมดแล้วและทุกคนที่รับซื้อก็ทราบดีว่าเป็นพระของเซียนกุ่ย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศขณะที่มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ผู้ต้องหาทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ต่างก้มหน้าก้มตายอมจำนนท์ต่อความผิด โดยมีการนำตัวมาเพียง 5 คนเท่านั้นส่วน น.ส.อำพร นั้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปไว้ในจุดใกล้เคียง เนื่องจากต้องอุ้มลูกน้อยที่ร้องไห้กระจองงองแงอยู่ตลอดเวลา