ข่าว

แฉเขมรขนปืนใหญ่ตั้งบนพระวิหารผ้าคลุม

แฉเขมรขนปืนใหญ่ตั้งบนพระวิหารผ้าคลุม

25 เม.ย. 2554

แม่ทัพภาคที่ 2 แฉเขมรขนปืนใหญ่ตั้งบนเขาพระวิหารใช้ผ้าคลุมพร้อมสิ่งผิดปกติอีกมาก ยันฝ่ายเขมรเป็นฝ่ายยิงก่อนตลอด แม้นฝ่ายไทยจะประสานไปแล้วแต่เหลว ระบุ"ฮุนเซน"หวังดันเรื่องเป็นไตรภาคี ผู้ว่าฯสุรินทร์-บุรีรัมย์ของบทำหลุมหลบภัยให้ปชช.ชายแดน “ประวิตร-กษิต” ชมทห

 เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่   24 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ไปรับฟังสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กับหน่วยงานที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ซึ่งเป็น 2 จังหวัดที่รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จัทรโอชา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.   ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมสนทนาด้วย   โดยมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศผ่านทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และช่อง 11

 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งนั่งประชุมอยู่ที่จ.สุรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์การสู้รบนั้นฝ่ายทหารประเทศกัมพูชาจะเริ่มยิงก่อนทุกครั้ง โดยฝ่ายทหารไทยได้แต่เฝ้าระวัง และทุกวันทางฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวตลอด แต่สำหรับสภาพทั่วไปทราบว่าทางกัมพูชาได้รับบาดเจ็บจำนวนมากกว่าฝ่ายไทย รวมทั้งยุทโธปกรณ์เสียหายจำนวนมาก

 “ทั้งนี้จากการติดต่อประสานทางโทรศัพท์กับฝายกัมพูชา สามารถติดต่อได้แต่ทางกัมพูชาแจ้งว่าไม่มีอำนาจตัดสินใจ เนื่องจากอยู่ที่รัฐบาลกัมพูชา ซึ่งผมคาดว่า คงอยู่ที่ สมเด็จฮุนเซน นายรัฐมนตรีกัมพูชา เพียงคนเดียว เพราะเขาอาจมีแนวคิดนำเรื่องปัญหาชายแดนที่ต้องการนำไปสู่การหารือระดับไตรภาคี แต่เราต้องการทวิภาคี”แม่ทัพภาค 2 กกล่าว

 พล.ท.ธวัชชัย กล่าวอีกว่า แต่เท่าที่ตรวจสอบไปยังปราสาทเขมาพระวิหารปัจจุบันมีการปิดผ้าคุมปืนใหญ่ ปืนบีเอ็น 21   กระสุน 40 ลำกล้อง ซึ่งมีสิ่งผิดปกติอยู่ โดยทางไทยได้เตือนไปแล้ว สำหรับกำลังพลของไทย ขณะนี้สามารถปกป้องอธิปไตยได้เพียงพอ ดังนั้นคิดว่าปัจจุบันยังสามารถรักษาสถานการณ์ได้ทุกครั้งที่ทางกัมพูชาจัดกำลังเคลื่อนที่มายังฝ่ายไทย และสามารถยับยั้งได้ตลอด

 จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวชี้แจงกรณีที่สื่อไทยบางสำนักที่ระบุว่า ทหารอดอยากนั้นยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ตนอยู่กับทหารอาหารการกินอิ่มหนำสำราญ ซึ่งทางกองทัพนำเครื่องอุปโภคบริโภคแจกให้ตลอดและมีการเก็บสะสมอาหารไว้ 5 วันทำการ ในทุกฐานปฏิบัติการ ถ้าเคลื่อนไหวไม่ได้มีอาหารเพียงพอ จึงไม่ทราบว่าไปเอาข่าวมาจากไหน เพราะการออกข่าวอย่างนี้เกรงจะเกิดความเสียหาย และเสียขวัญกำลังใจของทหาร 

 ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยงาน เพราะผลกระทบเกิดขึ้นกับประชาชน 3 หมื่นคนที่ต้องอพยพ รวมทั้งมีการสูญเสียกำลังพล อย่างไรก็ตาม 3 วันที่ผ่านสถานการณ์คล้ายกับเมื่อมีการปะทะเมื่อ ก.พ. 2554 แต่ครั้งนั้นเกิดขึ้นที่ จ. ศรีสะเกษ แต่แนวทางเหมือนเดิมคือฝ่ายเราไม่ได้มีการรุกรานใครทั้งสิ้น แต่มีหน้าปกป้องอธิปไตย เมื่อมีการยิงเข้ามากระทบความเป็นอยู่ของประชาชน มีการละเมิดอธิปไตยก็ต้องตอบโต้โดยยึดถือหลักสากลมาโดยตลอดคือมีการตอบโต้ไปยังเป้าหมายทางทหารตามความเหมาะสม ส่วนการดำเนินการด้านต่างประเทศก็ดำเนินการทุกทางเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์ เพราะประชาชนเดือดร้อนที่สุด

 “รัฐบาลห่วงใยประชาชนและกองทัพที่ดูแลตลอดแนวชายแดน ยืนยันว่าหากมีอะไรที่จะสนับสนุนทุกหน่วยงานเราทำอย่างเต็มที่และให้กำลังใจผู้ปฏิบัตงานทุกท่าน ในความเสียสละกล้าหาญ ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย โดยจะปกป้องอธิปไตยและจะทำให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติสุข”นายกฯ กล่าว

   จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้จ.สุรินทร์รายงานก่อน โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งไปทำหน้าที่อำนวยการดูแลศูนย์อพยพที่จ.สุรินทร์ กล่าวว่า มีการขยายศูนย์อพยพเพื่อไม่ให้แออัด โดยมีการตั้ง 22 ศูนย์ โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดูแล อบต. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร อสม. ชรบ. ร่วมช่วยกันดูแลประชาชน   ส่วนเรื่องงบประมาณในการสร้างหลุมหลบภัยที่ยังติดปัญหาเรื่องงบประมาณนั้นนายรณ์ จาติวณิช รมว.คลัง ได้แจ้งให้ปลัดกระทรวงการคลังประสานมายังตนแล้วว่าวันจันทร์กระทรวงการคลังจะติดตามเรื่องนี้ให้และจะมีการยกเว้นระเบียบของกระทรวงคลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้

   ด้านนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รายงานว่าไม่มีประชาชนเสียชีวิต ไม่มีบ้านเรือนเสียหาย ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายนั้นเป็นคนสูงอายุที่ป่วยอยู่แล้วแต่ขณะนี้รักษาตัวที่ห้องไอซียูยังไม่มีเสียชีวิต ส่วนการช่วยเหลือของ 22 ศูนย์ นั้นมีจำนวนผู้อพยพเข้ามาแล้ว 23,000 กว่าคน โดยใช้สถานที่ของโรงเรียน วัด เต๊นท์ ส่วนการประกอบอาหารมีการตั้งโรงครัวโดยมีแม่ครัวจากคนในท้องถิ่นดูแลส่วนวัตถุดิบทางจังหวัดเป็นฝ่ายจัดหา แบ่งเป็นอาหารเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับน้ำดื่มมีรถน้ำจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมาดูแล 25 คัน รวมทั้งมีรถห้องน้ำห้องสุขาแล้ว   ส่วนการสาธารณสุขมีการจัดแพทย์พยายามดูแลทุกศูนย์ มีรถฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามประชาชนที่ห่วงใยทรัพย์สินก็มีการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านโดยให้ชาวบ้านผู้ชายร่วมดูแลกับเจ้าหน้าที่ แต่หากสถานการณ์ไม่ปลอดภัยก็อยากให้อยู่ในปลอดภัยก่อน และการเดินทางกลับบ้านเมื่อสงบนั้นก็จะมีการจัดหายานพาหนะให้   อย่างไรก็ดีขณะนี้งบประมาณในการดูแลประชาชนยังมีวงเงิเพียงพอ แต่ในส่วนของหลุมหลบภัยที่ขอไปนั้นหากได้รับการพิจารณางบฯก็จะดำนินการทันที แต่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง

   นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานสถานการณ์การปะทะที่บริเวณ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ว่า เหตุการณ์ตั้งแต่เวลา 04.00 น วันที่ 22 เม.ย. โดยกำนัน ต.สายตะกู ได้ยินเสียงปืน มีเหตุปะทะกัน บริเวณบ้านน้อยลำชี   ห่างจากจุดปะทะ 5 กิโลเมตร และต่อมาเวลา 09.20 น. มีกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกอยู่ในสวนยางพาราบ้านสายโทสิบสองใต้ หมู่ทื่ 7 ต.สายตะกู ห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 3 ก.ม. มีกระสุนปืนมาตก 4 นัด สร้างความเสียหายแก่สวนยางพาราไปเป็นบริเวณกว้าง แต่เนื่องจากกระสุนตกบริเวณแนวชายแดนที่เป็นพื้นที่ที่สูงกว่าทางกัมพูชา ไม่มีราษฎรได้รับอันตราย จากนั้นได้แจ้งให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านปฏิบัติตามแผน เคลื่อนย้ายประชากร ของ ต.สายตะกู และ ต.จันนกเพชร เข้ามาอยู่บริเวณ ที่ว่าการอำเภอ และบริเวณโรงเรียนบ้านโนนเจริญพิทยาคมรวมทั้งสิ้น ในวันแรกเปิดศูนย์ 5 ศูนย์ มีคนมาประมาณ 2,500 คน ส่วนใหญ่เป็นสตรี เด็ก และคนชรา

   ผวจ.บุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า จากนั้นได้มีการลงทะเบียนจัดหาอาหารน้ำดื่มและถุงยังชีพของกาชาด จ.บุรีรัมย์ สถานีกาชาดสุรินทร์ และนครราชสีมา มาสมทบช่วยเหลือ จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ.บ้านกรวด และรพ.จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าไปตรวจรักษาสุขภาพ มีเจ้าหน้าที่ ตร. , ทหาร , อส. เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเพื่อดูแลทรัพย์สินให้ราษฎรและต่อมาในวัน ที่ 23 เมษายน ได้มีเสียงปืนดังต่อเนื่องในภาคเช้าถึงเวลา 13.00น. มีการอพยพประชาชนจากหมู่บ้านข้างเคียงอีกหลายหมู่บ้าน และจำเป็นต้องเปิดศูนย์เพิ่มทั้งหมด 6 ศูนย์ ราษฎร 1,509 หลังคาเรือน รวมเป็นประชาชนเฉพาะสตรี เด็ก และคนชรา   5,628 คนเข้าไปอยู่ในศูนย์หลบภัยการช่วยเหลือมีหลายหน่วยราชการไปสนับสนุน รวมทั้งภาคเอกชนที่จะเข้าไปสนับสนุนในเรื่องก๋วยเตี๋ยวและอาหารอื่นๆ และหากใครต้องการจะเข้าไปทางจังหวัดก็จะจัดสถานที่และอำนวยความสะดวกให้

   ผู้ว่าฯบุรีรัมย์ กล่าวต่อไปว่า มีคนเข้ารับการตรวจรางกาย 639 ราย ต้องส่งต่อ 1 รายที่เป็นคนแก่มีไข้ขึ้นสูง อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนคนที่มีอาการท้องร่วงจากอาหาร 25 รายอีสุกอีใส ตรวจพบ 5ราย คัดแยกคนที่ท้องร่วงและคนที่เป็นอีสุกอีใสไปอยู่ในที่จำกัดแล้ว รวมทั้งส่งเจ่าหน้าที่ด้านสุขภาพจิตจาก โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เข้าไปพูดคุย ลดความเครียดแล้ว และพบว่าหากไม่มีการสู้รบชาวบ้านก็ขอจะกลับบ้าน แต่ทางจังหวัดพยายามที่จะประสานทางด้านข้อมูลจากทางฝ่ายให้แน่นอนก่อน เมื่อชัดเจนแล้วก็จะอนุญาต
 
 “สิ่งที่ต้องการคือ การของบประมาณ ในการทำหลุมหลบภัยตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น แต่หากการสู้รบยุติลงโดยเร็วทางจังหวัดสามารถดูแลการอพยพได้”นายสามารถ กล่าว

   ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหมนั้นได้มีการชี้แจงไปกับทางทหารตลอดเวลาว่าการดำเนินการปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดนนั้น เราจะต้องดำเนินการและไม่ให้ใครมาละเมิดอธิปไตยทั้งทางพื้นดินและทางอาวุธ ทั้งนี้การดำเนินการเมื่อมีการสู้รบแล้วนั้นตนดำเนินการสั่งการไปว่าให้นโยบายไปว่าเราต้องจำกัดพื้นที่ที่เกิดเหตุให้อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ไม่ให้ลุกลามหรือขยายออกไป เพราะอาวุธที่เราตอบโต้ไปนั้น ก็แล้วแต่เหตุผลว่าเขาใช้อาวุธอย่างไรก็ตอบโต้ไปในลักษณะอย่างนั้น ไม่ใช่อาวุธที่เกิดเลยจากกฎของสหประชาชาติ ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้มอบให้ทางกองทัพดำเนินการ และสิ่งสำคัญที่สุด ทางเหล่าทัพ จะต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ร่วมกับข้าราชการพลเรือน ซึ่งได้มีการมอบหมายไปแล้ว
 
 ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา กล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานทั้ง 3 วันว่า เป็นไปตามนโยบายที่วางไว้ ทางแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้อำนวยการร่วมกับทางผู้จัดการสุรนารี ได้อย่างดีเยี่ยมในการป้องกันอธิปไตย ตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องขวัญและกำลังใจ ซึ่งทางผู้คับบัญชาตามเหล่าชั้นก็ได้มอบความห่วงใยลงไป ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องความปลอดภัย ได้มีการเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง กำลังคนที่ปฏิบัติหน้าที่มี 2 ส่วน คือทหารหลักและทหารพราน ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ตนขอฝากไปยังทางครอบครัวว่าให้ญาติจงมีความภาคภูมิใจที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยได้ ส่วนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ก็จะพิจารณาความดีความชอบให้เป็นกรณีพิเศษ

 นายกษิต ภิรมย์ กล่าวว่า เมื่อเช้านี้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศของอินโดนีเซีย ฐานะประธานอาเซียน เขาก็มีความห่วงใย อย่างกรณีเมื่อมีการปะทะกันในครั้งที่แล้ว ซึ่งเรื่องได้ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน ตนจะพยายามชี้แจงให้เขาทราบและยืนยันว่า หน้าที่ของเราคือการป้องกันตนเอง และเราพยายามที่จะให้มีการเจรจา 2 ฝ่าย เมื่อวานนี้ (23เม.ย.) ตนก็ได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา และใน 4-5 วันนี้ ก็จะได้พบกัน โดยระหว่างนี้ เราได้มีจุดที่จะชี้แจงให้ทางประชาคมโลกทราบทั้งในกรุงปารีส ที่เป็นที่ตั้งของยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลกและแจ้งไปที่นครนิวยอร์ก ไปยังเมืองหลวงของประเทศสมาชิกที่อยู่ในความมั่นคง เพื่อให้ความมั่นใจว่าเป็นการป้องกันตนเอง

  “ขณะเดียวกันประเทศไทยก็พร้อมที่จะเจรจาทุกเมื่อ และประเทศไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อให้ชีวิตของประชาชนกัมพูชาและไทยบริเวณแนวชายแดนเกิดความสงบสุข ผมขอวิงวอนผู้นำฝ่ายกัมพูชา มีความระมัดระวังและหันมาเจรจา”นายกษิต กล่าว

 

กษิตนัด"มาร์ตี้"แจงเหตุปะทะเขมรที่สุวรรณภูมิพรุ่งนี้

 นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียจะเดินทางมาเยือนไทยในช่วงเย็นวันที่ 25 เมษายนนี้ เพื่อหารือกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับทีโออาร์การส่งคณะผู้สังเกตุการณ์อินโดนีเซียมาประจำการในพื้นที่ซึ่งมีปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในเวลา 19.00 น. ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ โดยช่วงเช้านายมาร์ตี้จะเดินทางไปยังกัมพูชาก่อนยืนยันว่าการเดินทางมาของนายมาร์ตี้ไม่เกี่ยวกับการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา

 นายธานีกล่าวว่า นายกษิตหารือกับนายฮอร์ นัมฮงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาทางโทรศัพท์แล้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงจะพบกันแบบทวิภาคีนอกรอบระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงจาร์กาต้าในต้นเดือนพฤษภาคมนี้