
ตั้ง2ปมฆ่าเซียนพระ"กุ่ย ท่าพระจันทร์"
ตำรวจตั้งปมฆ่า "กุ่ย ท่าพระจันทร์" ขัดผลประโยชน์-ชู้สาว แต่ให้น้ำหนักเรื่องแรกเป็นหลัก เชื่อปมสังหารเป็นเรื่องการันตีพระเครื่องที่ขัดกัน เผยเจ้าตัวรู้ถูกปองร้ายมา 1 เดือน สั่งสืบเชิงลึกหลังพบคนร้ายไม่แตะทรัพย์สินหลังลงมือสังหาร แต่เงิน 1 ล้านบาทของเหยื่อ
ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ หลังจากนายเลิศชัย เลิศวัฒนารมณ์ อายุ 54 ปี ฉายา "กุ่ย ท่าพระจันทร์" หรือ "กุ่ย วุฒากาศ" เซียนพระชื่อดัง ถูกคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 22 เมษายน พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 (ผบก.น.7) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานไปหลายปาก และกำลังตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ขณะนี้ถือว่าตำรวจพอมีแนวทางในการสืบสวนเพื่อติดตามตัวหาคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี
"ขณะนี้ตั้งปมการลวงมาสังหารโหดอยู่ 2 ประเด็น คือ ขัดผลประโยชน์เรื่องการปล่อยพระเครื่อง ส่วนตัวคือชู้สาว แต่เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักประเด็นการขัดผลประโยชน์เรื่องการปล่อยพระเครื่องเป็นหลัก เนื่องจากจากการสอบถามญาติและคนสนิททราบว่า นายกุ่ยรู้ตัวว่ามีคนคิดปองร้ายมาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว โดยผู้ตายไปซื้อปืนมาพกติดตัวตลอดเวลา โดยมีสาเหตุมาจากการการันตีพระเครื่องที่ความเห็นอาจไม่ตรงกัน เพราะแต่ละคนคิดว่าพระเครื่องที่ตนเองมีเป็นของแท้ ขณะที่เซียนกลับระบุว่าเป็นของปลอม"
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคนร้าย 4 คนนั้น สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นมือปืนที่ได้รับการจ้างวานมา เนื่องจากพฤติกรรมที่สังหาร และอาวุธปืนที่ใช้เป็นลูกโม่ขนาด .38 โดยมีการระบุว่า นัดแรกลั่นไกสังหารขณะผู้ตายยืนอยู่ด้านหน้าโค-กระบือ ที่จะทำการไถ่ชีวิต หลังเกิดเหตุพยานระบุว่า คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ลี้ยวซ้ายออกจากวัด มุ่งหน้าไปทางพุทธมณฑลสาย 2 ทั้งนี้แนวทางการสืบสวนได้เบาะแสกลุ่มคนร้ายพอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่ลึกได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี โดยสั่งการให้ทั้งฝ่ายสืบสวน บก.น.7 และฝ่ายสืบสวน สน.ศาลาแดง เจ้าของพื้นที่ ช่วยกันทำงาน เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว และวันนี้ได้เรียกชุดสอบสวนของท้องที่ และทีมสืบสวนนครบาล 7 ประชุมคลี่คลายคดีให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ด้าน นางปวันรัตน์ เลิศพงศ์ทวี อายุ 49 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์พี่ชายเดินทางไปต่างจังหวัด ช่วงนั้นมีหญิงสาวโทรศัพท์มาหาที่บ้านหลายครั้ง จึงให้เบอร์โทรศัพท์มือถือไป เมื่อพี่ชายกลับมาบ้านเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้สอบถามว่ามีใครไปหาหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มี โดยวันอังคารที่ผ่านมาทราบว่าพี่ชายปล่อยพระเครื่องได้เงินมา 1 ล้านบาท ก่อนที่วันต่อมาจะเดินทางไปปล่อยพระเครื่องที่เดอะมอลล์ ท่าพระ กับนายอ้วน จักรยาน ในราคา 1 ล้านบาท แต่จ่ายงินมาก่อน 5 แสนบาท และนัดรับเงินส่วนที่เหลือที่ย่านพุทธมณฑลสาย 2 บ้านผู้เช่าพระอีก 5 แสนบาท ในวันช่วงเย็นวันเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพี่ชายไปมีปัญหาขัดแย้งกับใคร และถูกฆ่าเพราะสาเหตุใด ส่วนศพจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนังราชวรวิหาร ย่านวุฒากาศ ซึ่งอยู่ระหว่างปรึกษาญาติว่าจะตั้งสวดพระอภิธรรมกี่วัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายมีทรัพย์สินเป็นกระเป๋าใส่เงินจำนวน 1 ล้านบาท ติดตัวไปด้วย แต่ภายหลังคนร้ายลงมือสังหารตามใบสั่งเสร็จสิ้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แตะต้องทรัพย์สินแต่อย่างใด ตำรวจจึงตั้งข้อสังเกตว่า ทรัพย์สินจำนวน 1 ล้านบาทของผู้ตายหายไปได้อย่างไร ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนในประเด็นดังกล่าว พร้อมนำพยานแวดล้อมมาสเก็ตช์ภาพลักษณะรูปพรรณ 1 ใน 4 คนร้าย และพบว่า มือปืนที่ลงมือลั่นไกสังหารไม่สวมหมวกกันน็อก