
ประยุทธ์ลั่นเขมรยิงก่อนนัม ฮงฟ้องยูเอ็น
"ประยุทธ์"ยันเขมรยิงบึ้มไทยก่อน ย้ำไทยไม่อยากเปิดศึกรบเขมร ชี้สิ่งที่ทำแค่โต้เท่าทีจำเป็น ยอมรับยิ่งรบยิ่งทำเจรจายากขึ้น อภิสิทธิ์ปัดทหารไทยตาย จี้เขมร จัดประชุมอาร์บีซี-จีบีซีโดยเร็ว ชี้ระดับพื้นที่ต้องดูแลขยายปมถึงอาเซียนแก้ไขยาก เขมรฟ้องปธ.อาเ
(22เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาที่บริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ว่า ระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา มีการวางกำลังห่างกัน 100 เมตร ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายไม่ให้ขยับกำลังพลเข้ามา แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากองกำลังสุรนารี ได้ตรวจพบการเคลื่อนไหวของกองกำลังทางด้านตะวันออกของปราสาทตาควาย เราเลยได้จัดกำลังออกไป พยายามเจรจาให้เขาถอนกำลังออก อีกทั้งฝ่ายโน้นมีอาวุธขึ้นมาด้วย และได้ใช้อาวุธกับเราก่อน เราจึงได้โต้ตอบ ตนได้รับรายงานจึงเตือนให้ใช้อาวุธเท่าที่จำเป็นให้ระมัดระวังป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายออกไป อันเป็นสาเหตุของความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธขนาดหนักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ ค.120 ขึ้นมาไปจนถึงปืนใหญ่ จรวด มาตามลำดับ เราได้มีการตอบโต้ตามสมควร
"ผมได้สั่งการชัดเจนตามแนวทางของกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทยว่า 1. เราจะพยายามไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน 2. เราจำกัดพื้นที่ให้เล็กที่สุด 3.เราไม่ใช้อาวุธเกินความจำเป็น 4. จะไม่ปฏิบัติต่อเป้าหมายพลเรือน ซึ่งทั้ง 4 ประการ กองกำลังสุรนารี ได้ดำเนินการทุกประการอย่างต่อเนื่อง จนถึง 10.30น. ก็ได้ยุติ ซึ่งระหว่างนี้ผมได้รายงานให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรายงาน นายกรัฐมนตรีทราบ ได้ประสานไปยังฝ่ายกัมพูชา ได้มีการติดต่อประสานงานกันกับหน่วยในพื้นที่ชุดประสานงานไทย – กัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งประสานไปยังฝ่ายกัมพูชา ทราบว่าทางโน้นก็สั่งการมาข้างล่าง ปัญหาคือ การติดต่อสื่อสารของฝ่ายกัมพูชาค่อนข้างจำกัด ฝ่ายเราติดต่อได้ตลอดเวลา แม้ผมจะปฏิบัติงานอยู่ต่างประเทศ ก็สามารถติดต่อ ผบ.หน่วย กำลังรบในพื้นที่ได้ตั่งแต่เช้า ได้รายงานให้รมว.กลาโหมทราบโดยตรงตามลำดับ กองทัพบกได้รายงานกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง"ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่า มีการบาดเจ็บสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่ยังไม่ทราบจำนวน เพราะเป็นการปะทะกันระยะใกล้ เราพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าพื้นที่ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ป่าเขา ทั้งสองฝ่ายพยายามพูดคุยกันให้อยู่ในจุดที่ตรวจการได้ และจะไม่เข้าไปในปราสาทตาควาย ต่างฝ่ายต้องอยู่ห่างกัน 100 เมตร เนื่องจากยังเป็นพื้นที่มีปัญหา แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรต้องสอบสวนอีกครั้ง ขอยืนยันกองทัพบกไทยไม่ต้องการให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น เพราะมองไม่เห็นผลดีมีแต่ทำให้การเจรจาทั้งสองฝ่าย ซึ่งนับวันจะดีขึ้น ยากขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น เราอยากเจรจาทวิภาคีสองประเทศมากกว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการอพยพประชาชนได้รับรายงานช่วงแรกมีเล็กน้อย ตอนหลังประมาณ 1,000 คน ให้อพยพออกไปอยู่ด้านหลังโรงเรียน และได้ให้กองกำลังสุรนารี ประสานการปฏิบัติกับฝ่ายพลเรือน อส. ตชด. ดูแลผมคิดว่าปลอดภัย ที่สำคัญกรุณาอย่าตื่นตระหนก แล้วเรามีแผนงานแล้ว การปะทะครั้งนี้ครั้งหน้าอาจมีหรือไม่มี ไม่น่าจะรุนแรงเหมือนครั้งก่อน เราทราบดีว่าอันตรายเกิดขึ้นกับประชาชนโดยรวมไม่ว่าจะไทย หรือกัมพูชา เราจะไม่ยิงเป้าหมายทหารผิดจุด เราจะไม่ยิงเป้าหมายพลเรือน อย่างไรก็ตามทราบว่ามีกระสุน 3 นัดตกเข้ามาในพื้นที่พลเรือนหมู่บ้านของไทย แต่ยังไม่มีรายงานการบาดเจ็บหรือสูญเสีย ขอให้ระมัดระวังอย่าตื่นตระหนก เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน การปฏิบัติทางยุทธวิธี และการช่วยเหลื่อต่างๆ ในอนาคตยุ่งยาก ตนพยายามยุติการสู้รบให้ได้ ขอให้ติดตามกองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารีในการประเมินว่ากลับเข้าไปได้เมื่อไหร่ พยายามจะให้ประชาชนกลับเข้าไปในพื้นที่เร็วที่สุด ตนรู้และเข้าใจว่าประชาชนห่วงใยทรัพย์สินเงินทองสัตว์เลี้ยงต่างๆ ไม่อยากให้ออกมานาน ที่ผ่านมาพอมีการใช้อาวุธ เมื่อยิงปืนใหญ่มาเราก็โต้ตอบฝ่ายกัมพูชาขอให้หยุดยิง พอเราหยุดใช้เขาก็เริ่มใช้กลับมาอีก ไม่เข้าใจสาเหตุเหมือนกัน นโยบายชัดเจนถ้าไม่มีการใช้กับเราก่อนเราก็จะไม่มีการใช้ เราจะตอบโต้เท่าที่จำเป็น เขาใช้มากกว่าเราวันนี้
มาร์คจี้เขมรประชุมจีบีซี-อาร์บีซีหลังเหตุปะทะ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ส่งผลให้มีนายทหารไทยเสียชีวิตจำนวน 4 ราย ว่า ตามที่ได้รับรายงานสรุป ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้แถลงรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ขณะนี้ได้ประสานงานเร่งให้เกิดความคลี่คลายแล้ว รัฐบาลไทยได้บอกกับประเทศกัมพูชาว่า ควรเร่งจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) กับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กรุงเทพ หรือกรุงพนมเปญโดยเร็ว
“จริง ๆ แล้วปัญหาที่เกิดขั้นเป็นเรื่องการบริหารจัดการของการวางกำลัง ไม่ให้กำลังมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ ส่วนการดูแลพื้นที่และผู้อพยกขณะนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกและนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนความสูญเสียนั้นผมเข้าใจว่ามีทั้ง 2 ฝ่ายและมีบาดเจ็บด้วย ซึ่งกำลังเร่งไปดูแล” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ปะทะนั้น ทำให้กัมพูชาพุ่งเป้าร้องไปยังประธานอาเซียน นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นใด ๆ เพราะกลไกในพื้นที่ยังเป็นวิธีที่เหมาะสม ปัญหาที่เกิดขึ้นควรให้กลไกระดับพื้นที่ดูแล หากนำเรื่องไปขยายถึงอาเซ๊ยน อาจเป็นเรื่องที่ยากที่จะดูแลหรือแก้ไข
ต่อข้อถามที่ว่าหากเป็นเช่นนั้นต่างชาติจะเข้าใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงจะเข้าใจได้ เพราะเรื่องราวทั้งหมด ได้มีการประสานงานกันแล้วและทั้ง 2 ฝ่ายได้ยืนยันว่า ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
เขมรฟ้องปธ.อาเซียนไทยเปิดฉาก-ละเมิดมติยูเอ็น
เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์ของนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ที่ส่งถึงนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เรียกร้องให้ทางการอินโดนีเซียนำเรื่องการปะทะกันดังกล่าวแจ้งกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ตามข้อปฏิบัติตามมติยูเอ็นเอสซี ฉบับวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา
จดหมายของทางการกัมพูชาระบุว่า ประเทศไทยเปิดฉากโจมตีฝ่ายกัมพูชาด้วยอาวุธปืนใหญ่ขนาด 105 , 106 และ 155 มิลลิเมตร บริเวณปราสาทตาเมือนและตาควาย ซึ่งทางกัมพูชาอ้างว่าตั้งอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของตน ทำให้มีลูกกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกลงในพื้นที่ของกัมพูชาเป็นระยะกว่า 21 กิโลเมตรจากชายแดน ที่บ้านโคก มอร์น ( Kork morn village) จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา รวมทั้งยังมีอากาศยานของไทยล่วงล้ำน่านฟ้าของกัมพูชาด้วย ซึ่งเหตุดังกล่าวส่งผลให้ทางฝ่ายกัมพูชาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ระบุอีกว่า พฤติกรรมรุกรานของฝ่ายไทยถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ในมติที่กระชุมยูเอ็นเอสซี ฉบับวันที่ 14 ก.พ. และมติของประธานอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ ฉบับวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเหตุนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามช่วยเหลือในระดับภูมิภาคอย่างแข็งขันของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยยูเอ็นเอสซี เพื่อเจรจาหยุดยิงถาวรและหาทางออกกันอย่างสันติหลังปฏิบัติการโจมตีกัมพูชาของไทย 4 ครั้งเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังพยายามอธิบายถึงพฤติกรรมรุกรานของทางการไทยว่าสอดคล้องกับการที่ไทยปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือรายละเอียดหรือทีโออาร์ ของประธานอาเซียน ว่าด้วยการส่งคณะผู้ตรวจการณ์จากประเทศอินโดนีเซียมาประจำยังฝั่งไทยและกัมพูชาของประธานอาเซียนเพื่อป้องกันการปะทะกันของทั้งสองชาติ
ทั้งนี้การรุกรานที่เกิดขึ้นถือเป็นสิ่งยืนยันถึงการแก้ไขปัญหาของฝ่ายไทยแบบ " ทวิภาคี" ที่เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า เนื่องด้วยแท้จริงแล้วทางการไทยต้องการใช้ประโยชน์จากแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือกว่ากับกัมพูชา โดยทางการกัมพูชาได้ใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุด อย่างไรก็ตาม กัมพูชาขอสงวนสิทธิการป้องกันตนเองจากการุกรานเพื่อปกป้องไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ
ขณะเดียวกันสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า นายฮอร์ นัม ฮง ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ด้วย