ข่าว

มือปืนโหดยิงเซียนพระดังย่านฝั่งธนดับ

มือปืนโหดยิงเซียนพระดังย่านฝั่งธนดับ

22 เม.ย. 2554

กลุ่มมือปืนลวงเซียนพระชื่อดังย่านฝั่งธนฯ ฉายา "กุ่ย ท่าพระจันทร์ หรือ กุ่ย วุฒากาศ" ออกมาซื้อ-ขายพระที่วัดย่านทวีวัฒนา ก่อนไล่ถามหาตัว ขณะเหยื่อเดินไปที่รถชักปืนยิงดับ ตร.ตรวจสอบพบกระเป๋าสะพายใส่เงินล้านหายไปด้วย ตร.ตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว-หักหลังเช่าซื้อพระ

 เหตุการณ์มือปืนโหดยิงเซียนพระชื่อดังจนเสียชีวิตเปิดเผยเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 เมษายน พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ คุณอุดม พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกยิงภายในวัดวิศิษฏ์บุญญาวาส ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รีบเดินทางไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเหตุบริเวณลานหน้าวัด พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วิช สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน สฎ 6868 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพประตูด้านหลังฝั่งซ้ายเปิดอยู่ บริเวณข้างรถด้านซ้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรอยเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้ถูกยิงทราบว่าเพื่อนได้ส่งตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลธนบุรี 2 โดยผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล

 จากการสอบสวนทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายเลิศชัย เลิศวัฒนารมณ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 ซอยวุฒากาศ 36 ถนนวุฒากาศ แขวงบางคล้อ เขตจอมทอง กทม. สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่แขนซ้ายทะลุชายโครงซ้าย 1 นัด กระสุนถูกอวัยวะสำคัญจึงทำให้เสียชีวิต

 สอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ผู้ตายเป็นเซียนพระชื่อดังย่านฝั่งธนบุรี และมีฉายาว่า "กุ่ย ท่าพระจันทร์ หรือ กุ่ย วุฒากาศ" ทั้งนี้ ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหานายเลิศชัย โดยบุคคลที่โทรเข้ามานั้น ทราบว่าจะนำพระมาปล่อยให้แก่เซียนพระรายนี้ เป็นพระพุทธรูปโบราณ มูลค่า 5 หมื่นบาท รวมทั้งพระเครื่องชื่อดังอีกหลายรายการ นายเลิศชัยจึงได้นัดแนะบุคคลดังกล่าว เพื่อมาดูพระกันภายในวัด ซึ่งมีเพื่อนผู้ตายที่เป็นเซียนพระเดินทางไปตรวจสอบด้วย

  เมื่อนายเลิศชัยเดินทางไปถึงจุดนัดหมาย จึงโทรศัพท์ไปหาบุคคลดังกล่าว ที่อ้างว่าจะนำพระมาปล่อย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากผู้ที่จะนำพระมาปล่อยได้ปิดโทรศัพท์ นายเลิศชัยและเพื่อนจึงนำธูปเทียนและดอกไม้เข้าไปไหว้พระภายในโบสถ์ หลังจากนั้นจึงเดินกลับมาที่รถ ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์ 2 คันขี่มายังที่เกิดเหตุ โดยมีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วย รวมเป็น 4 คน แต่มีผู้ที่ใส่หมวกกันน็อกเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ถามเพื่อนผู้ตายว่า คนไหนชื่อกุ่ย แต่เพื่อนๆ ของผู้ตายไม่มีใครบอก ระหว่างนั้นคนร้ายจึงโทรศัพท์เข้าเครื่องของนายเลิศชัย และทราบว่านายเลิศชัยเดินไปที่รถยนต์

 คนร้ายที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อกจึงใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ทันที โดยผู้ตายวิ่งหนีตายหลบเข้าไปในรถยนต์ แต่คนร้ายก็ยังคงตามเข้ามายิงซ้ำ จนนายเลิศชัยได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตามปกติแล้วผู้ตายมักจะสะพายกระเป๋า 2 ใบ โดยใบแรกเป็นเป้ ซึ่งผู้ตายมักจะนำพระเครื่องมีค่าใส่เอาไว้ ส่วนอีกใบเป็นกระเป๋าสะพาย โดยใบนี้จะมีเงินสดอยู่จำนวนมาก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายได้นำเป้ ไว้ในรถยนต์ ส่วนกระเป๋าสะพาย ได้นำติดตัวลงไปด้วย ซึ่งกระเป๋าใบนี้มีเงินสดประมาณ 1 ล้านบาทเศษ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุกระเป๋าสะพายใบดังกล่าวได้สูญหายไปด้วย เบื้องต้น คาดว่าคนร้ายน่าจะนำติดตัวเอาไปด้วย

 "ในขณะนี้จะต้องสอบสวนเพื่อนของผู้ตายอย่างละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเพื่อนๆ ผู้ตายมีชื่อเล่นว่า เซียนอ้วน และเซียนตุ๊ โดยจะต้องสอบถามถึงรูปพรรณสันฐานของคนร้ายด้วยว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่พบปลอกกระสุน ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนแบบลูกโม่ ซึ่งเพื่อนของผู้ตายระบุว่า คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนที่ก่อเหตุ ยิงผู้ตายถึง 5 นัด แต่กระสุน 1 นัดได้ไปถุูกผู้ตายจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าว" พ.ต.ท.ธีรศักดิ์  กล่าว

 ทั้งนี้ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า กลุ่มคนร้ายคงลวงผู้ตายออกมา เพื่อมาดูพระ และเมื่อสบโอกาสจึงได้ลงมือใช้อาวุธปืนยิงอย่างโหดเหี้ยม พร้อมกับนำกระเป๋าเงินไปด้วย ส่วนปมการสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้หลายประเด็น คือความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว หรือการซื้อเช่าขายพระ ที่อาจมีการหักหลังกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งทำการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป 

 แหล่งข่าวในวงการพระเครื่อง เปิดเผยว่า กุ่ย ท่าพระจันทร์ เป็นเซียนพระมีชอบดูพระให้คนอื่น และพูดอะไรตรงไปตรงมา หากดูแล้วพบว่าพระไม่ดี ก็จะพูดตรงๆ ว่าพระไม่ดี ซึ่งปกติในวงการพระจะไม่พูดกันแบบนี้ ดังนั้นจึงอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความไม่พอใจได้