
ค่าหน่วยกิตแพง
ดิฉันกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐ (ม.อ.) ภาคใต้ หลักสูตรนานาชาติ ดิฉันมีเรื่องข้องใจคือ ค่าเทอมภาคฤดูร้อนที่มหาวิทยาลัยเรียกเก็บเป็นจำนวน 1.6 หมื่นบาท ในส่วนของดิฉันคือเป็นรายวิชาฝึกงาน มี 6 หน่วยกิตค่ะ
มหาวิทยาลัยไม่เคยแจ้งให้นักศึกษาทราบมาก่อนเลยว่ารายวิชาฝึกงานในภาคฤดูร้อนนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.6 หมื่นบาท มหาวิทยาลัยเพิ่งได้แจ้งให้นักศึกษาทราบเมื่อช่วงเริ่มภาคการศึกษาที่ 2 ปี 2551 นี่เอง ทั้งที่จริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยควรแจ้งตั้งแต่ปฐมนิเทศมิใช่หรือคะ ทำไมมหาวิทยาลัยแจ้งล่าช้าขนาดนี้
นักศึกษาได้รับความเดือดร้อน นี่ก็ใกล้ถึงเวลาต้องจ่ายเงินแล้ว เพื่อนๆ นักศึกษาบางคนยังไม่พร้อมในเรื่องการเงินเลยค่ะ เพราะเงิน 1.6 หมื่นบาทนั้น หาไม่ได้ง่ายๆ ในเวลา 3-4 เดือนค่ะ และเพิ่งได้ทราบมาอีกว่าค่าเทอมภาคฤดูร้อนไม่สามารถยื่นคำร้องผ่อนผันได้ ทำไมถึงไม่ได้คะ ตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการมีข้อจำกัดนี้ด้วยหรือคะคุณลุง และจริงๆ แล้วหลักสูตรเก่าที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันของมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าเทอมรายวิชาฝึกงานเลยหรือคะ ดิฉันคิดว่าไม่ยุติธรรมและไม่สมเหตุสมผลในการเรียกเก็บเงินจำนวนนี้
อยากทราบว่ามหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายอะไรที่สูงถึง 1.6 หมื่นบาท ในขณะที่นักศึกษาต้องไปฝึกงาน เรียนรู้นอกห้องเรียน ไม่ได้ใช้สถานที่ และทรัพยากรบุคคลของมหาวิทยาลัยเลย (การลงเรียนซัมเมอร์ก็มีค่าใช้จ่าย 1.6 หมื่นบาทเช่นเดียวกันค่ะ แต่พอเข้าใจได้ค่ะว่ามีค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่ เอกสาร และบุคลากร) อีกทั้งมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้จัดหาสถานที่ฝึกงานหรือที่พัก หรือออกค่าใช้จ่ายใดๆ ให้เลย
ดิฉันและเพื่อนๆ นักศึกษาอีกหลายคนกำลังทุกข์ร้อนมากๆ ค่ะ หาทางออกไม่ได้เลย ดูทีท่าทางมหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่พวกดิฉันได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงคณบดี อยากให้มหาวิทยาลัยพิจารณาเรื่องนี้โดยด่วนค่ะ
นักศึกษาตาดำๆ
ตอบ
นายสมเจตน์ ศรีระบาย รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตภูเก็ต ชี้แจงว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนหลักสูตรต่างๆ ของคณะค่อนข้างจะสูง เมื่อตอนปฐมนิเทศผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ก่อนเข้าเรียน คณะก็มีการย้ำเรี่องค่าใช้จ่ายนี้ทุกครั้ง
นักศึกษาของคณะจะต้องจ่ายค่าลงทะเบียนภาคการศึกษาฤดูร้อน (การฝึกปฏิบัติงาน) เนื่องจากคณะการบริการและการท่องเที่ยวมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบบเหมาจ่าย (โดยการนำค่าใช้จ่ายทุกรายการตลอดหลักสูตรหารด้วยจำนวนภาคการศึกษาปกติที่จะต้องใช้ในการเรียนให้จบหลักสูตร) โดยมีการระบุอัตราค่าธรรมเนียมของแต่ละหลักสูตรเป็นภาคการศึกษาไว้อย่างชัดเจนในเอกสารประชาสัมพันธ์ของคณะ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติทั่วไปของทุกมหาวิทยาลัยในการแจ้งค่าใช้จ่ายในการศึกษาในหลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัย
สำหรับการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาในหลักสูตร บธ.บ. สาขาการจัดการโรงแรมที่นักศึกษาอ้างถึงนั้น เป็นการลงทะเบียนรายวิชาฝึกปฏิบัติงานโดยไม่มีหน่วยกิต ซึ่งมีการเรียกเก็บเป็นค่าธรรมเนียมการฝึกปฏิบัติงานเป็นเงิน 2,700 บาทต่อปีการศึกษา (ซึ่งนำไปคำนวณค่าธรรมเนียมเหมาจ่ายเป็นรายภาคการศึกษาต่อไป) โดยให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนรายวิชาฝึกปฏิบัติงานในภาคการศึกษาที่ 2 ของทุกปีการศึกษา
การฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาที่ร้องเรียนมาซึ่งกำลังศึกษาในหลักสูตร บธ.บ. สาขาการจัดการการบริการ และสาขาการจัดการการท่องเที่ยว เป็นรายวิชาที่มีหน่วยกิตจำนวน 6 หน่วยกิต ฉะนั้น หากนักศึกษาลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่มีหน่วยกิตในภาคการศึกษาฤดูร้อนก็ต้องชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาตามที่ระบุไว้
ในกรณีที่นักศึกษาลงทะเบียนเรียนรายวิชาฝึกปฏิบัติงานในภาคการศึกษาปกติ นักศึกษาก็ต้องจ่ายค่าลงทะเบียนเพียงครึ่งหนึ่งของค่าธรรมเนียมการศึกษาภาคปกติ
ส่วนการผ่อนผันการชำระค่าลงทะเบียนในภาคการศึกษาฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551 นั้น มีนักศึกษาติดต่อขอรายละเอียดการผ่อนผันประมาณ 2-3 ราย โทรศัพท์ติดต่องานทะเบียนของวิทยาเขตภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถผ่อนผันได้ แต่จะต้องชำระค่าลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นภายในภาคการศึกษานั้นๆ แต่ก็ไม่มีนักศึกษามายื่นคำร้องเลย
กรณีถามเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรสูงถึง 1.6 หมื่นบาทนั้น การคิดค่าธรรมเนียมในภาคการศึกษาฤดูร้อนเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามระเบียบของมหาวิทยาลัย โดยคิดเป็นครึ่งหนึ่งของภาคการศึกษาปกติ ซึ่งเป็นการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรในทุกหมวดเพื่อมาคิดเป็นยอดค่าใช้จ่ายนี้
การฝึกปฏิบัติงานกับหน่วยงานภายนอก มีการจัดอาจารย์และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการฝึกงานตั้งแต่การหาที่ฝึกงานและการจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ การไปติดตามผลระหว่างการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศ การนิเทศก์ทางโทรศัพท์สำหรับผู้ที่ฝึกงานในต่างประเทศ ตลอดจนการดำเนินการวัดและการประเมินผลการฝึกปฏิบัติงาน
รองคณบดีฝ่ายวิชาการ บอกว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนักศึกษาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2552 (หนังสือลงวันที่ 25 ม.ค.2552) พร้อมมีการลงชื่อของนักศึกษาจำนวน 69 รายชื่อ ซึ่งคณะได้รับเอกสารหลังจากปิดภาคการศึกษาแล้ว และนักศึกษาได้ออกไปฝึกปฏิบัติงานตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งข้อร้องเรียนนี้คณะได้ชี้แจงรายละเอียดไปแล้วในวันปฐมนิเทศการฝึกปฏิบัติงาน ในวันนั้นก็ไม่มีนักศึกษาคนใดตั้งคำถามในประเด็นนี้เลยแม้แต่คำถามเดียว
ลุงแจ่ม



