ข่าว

ทักษิณจ้อสื่อเทศอีกยันหนุนเสื้อแดงต่อ

ทักษิณจ้อสื่อเทศอีกยันหนุนเสื้อแดงต่อ

16 เม.ย. 2552

น้องสาว "ไสว" บาดเจ็บจากการชุมนุมยันพี่ชายไม่ได้ถูกเอ็ม-16 ติง นปช.ไม่เคยโผล่หัวช่วย ตำรวจสรุปออกหมายจับกลุ่มเสื้อแดง 35 คน ป่วนการประชุมอาเซียนและทุบรถนายกรัฐมนตรี ครม.เตรียมออกมาตรการเยียวยาความเสียหายจากกลุ่มเสื้อแดง เตือนวิกฤติการเมืองไทยกระทบศก.-ท

สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงปารีสว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ "ฟรานซ์ 24 " ที่นครดูไบของสหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา    โดยระบุว่า รัฐบาลกับกองทัพจะฆ่าประชาชนมากขึ้นหากความขัดแข้งทางการเมืองยังไม่ยุติ  แต่ที่ผ่านมามีการปกปิดข้อมูลทุกอย่างในไทย และหนังสือพิมพ์ในไทยเผยแพร่แต่ข่าวเท็จ อย่างไรก็ตามจะยังคงสนับสนุนทางศีลธรรมกับกลุ่มคนเสื้อแดงต่อไป

น้องสาว "ไสว"ยันพี่ชายไม่ได้ถูกเอ็ม-16
  
นางสมัย ทองอ้ม น้องสาวของนายไสว ทองอ้ม ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงระหว่างการชุมนุมของม็อบ นปช.ที่บริเวณสามแยกดินแดง เปิดเผยว่า ตนไม่เชื่อว่าพี่ชายจะถูกยิงด้วยปืนเอ็ม-16 ตามที่แกนนำ นปช.กล่าวอ้าง เนื่องจากลักษณะบาดแผลที่เห็นเป็นเพียงรูขนาดเล็ก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของทหาร แต่น่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการสร้างสถานการณ์

น้องสาวของนายไสว กล่าวต่อว่า การออกมาเปิดเผยครั้งนี้เพื่อให้สังคมได้รู้ความจริง โดยขอยืนยันว่า เรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ถูกรัฐบาลหรือทหารบังคับ แต่เป็นการพูดด้วยข้อเท็จจริง เพราะได้คุยกับพี่ชายบ้างแล้ว อีกทั้งเห็นว่าการกระทำของพี่ชาย ถือว่าเป็นสิ่งผิดในการปิดถนน เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ขณะที่อาการของนายไสวนั้น ล่าสุด แพทย์ยังคงให้รักษาตัวอยู่ภายในห้อง ไอ.ซี.ยู. โรงพยาบาลราชวิถี โดยผู้ป่วยมีสติรู้สึกตัวแล้ว อยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยนางสมัย บอกด้วยว่า ที่ผ่านมายังไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดง หรือแกนนำ นปช. ออกมาแสดงความรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล มีเพียงแต่รัฐบาลที่ได้ยืนยันว่าจะดูแลรักษาอาการพี่ชายให้เต็มที่ โดยไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล

ตร.สรุปออกหมายจับ35แกนนำเสื้อแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีที่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย ไล่ทุบรถนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับแล้ว ประกอบด้วย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุม ยังไม่ทราบชื่ออีก 9 คน และคดีนี้ยังไม่มีใครเข้ามอบตัว

ส่วนคดีผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ประชุมอาเซียน +3 และ+6 ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ทพัทยา พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหา 14 คน เช่น นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายนิสิต สินธุไพร นายนพพร นามเชียงใต้ นายสำเริง ประจำเรือ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ตำรวจนอกราชการ โดยคดีนี้ นายอริสมันต์ ถูกจับกุมและศาลให้ประกันตัวไปแล้ว

ส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ได้เข้ามอบตัวและถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี นอกจากนี้คดีที่กลุ่มคนเสื้อแดงทุบรถนายกรัฐมนตรีขณะกลับจากประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่พัทยา มีผู้ถูกออกหมายจับ 12 คน ประกอบด้วย น.ส.จิดาพา ธนหัสชัย น.ส.เสาวลักษณ์ สานุวิทย์ นายวันเฉลิม กุนเสน น.ส.วรรณา ภักดียา นายรณชัย คงรอด น.ส.ประภาพร ปราบองศรี น.ส.สำรวย แสงประภา ส่วนอีก 5 คน ยังไม่ทราบชื่อ และคดีนี้ไม่มีใครเข้ามอบตัว  

ทำเนียบฯเงียบเหงาจนท.เร่งล้างสถานที่

หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงยุติการชุมนุม ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ทำให้บรรยากาศภายในทำเนียบเป็นไปด้วยความเหงา ประกอบกับเป็นวันหยุดราชการ แต่ยังคงมีกำลังทหาร ตำรวจ ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่เหมือนเดิม

ส่วนบริเวณโดยรอบมีเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร เก็บกวาดขยะ สิ่งปฏิกูล และรื้อสะพานไม้ไผ่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมสร้างไว้ เพื่อเดินข้ามคลองเปรมประชากร รวมทั้งปรับภูมิทัศน์ ตัดแต่งต้นไม้ ล้างพื้นผิวถนนบริเวณโดยรอบเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติ ส่วนการจราจรถนนโดยรอบทำเนียบรัฐบาล เปิดใช้ทุกเส้นทางแล้ว แต่รถยังบางตา

อย่างไรก็ตาม การจราจรโดยรอบทำเนียบฯ เจ้าหน้าที่ได้เปิดให้รถยนต์สามารถสัญจรผ่านไป-มาได้เป็นปกติในทุกเส้นทางแล้ว อาทิ ถ.ราชดำเนินนอก ถ.พิษณุโลก ถ.ศรีอยุธยา รวมถึง ถ.พระรามที่ 5 

ครม.เตรียมออกมาตรการเยียวยาความเสียหายจากกลุ่มเสื้อแดง

นายปณิธาน วัฒนายากร ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงวาระสำคัญในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ จะนำวาระเข้าประชุมในเรื่องของการรายงานสถานการณ์ความไม่สงบ หลังการจัดการประชุมอาเซียน +3 และ +6 ที่พัทยา และหลังจากการประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และรวมถึงการพิจารณามาตรการเยียวยาและฟื้นฟูความสูญเสียที่เกิดขึ้น และพิจารณาหามาตรการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น

 ส่วนวาระที่คงค้างอยู่ และอาจจะมีการพิจารณา คือ กระทรวงสาธารณสุข จะขออนุมัติงบประมาณหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2553 ในอัตราเหมาจ่ายรายหัวกว่า 137,390 ล้านบาท ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะขออนุมัติงบประมาณจัดตั้งห้องปฏิบัติการไดออกซิน วงเงิน 339 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2554 เพื่อให้มีหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจนในการตรวจวิเคราะห์และวิจัยสารไดออกซิน สำหรับตัวอย่างสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวิจัยพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยนีที่เหมาะสมกับการป้องกันและควบคุมมลพิษ

เตือนวิกฤติการเมืองไทยกระทบศก.-ท่องเที่ยว-ตลาดหุ้น

         มาร์ค โมเบียส ผู้จัดการกองทุนชื่อดังและประธานบริษัท เทมเพลตัน แอสเส็ท เมเนจเมนท์ซึ่งเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า วิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลไทยกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและฟื้นฟูการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง
  
      ขณะที่มาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเป็นผู้ตีพิมพ์นิตยสารการลงทุน Gloom, Boom and Doom Report กล่าวว่า "สถานการณ์ด้านการเมืองในประเทศไทยในขณะนี้ทำให้นักลงทุนไม่ค่อยกล้าเข้ามาลงทุน และอาจทำให้กลุ่มผู้จัดการกองทุนที่มีพอร์ทอยู่ในตลาดหุ้นไทย "เทขาย" หลักทรัพย์  เราคาดว่าทั้งสองฝ่ายคือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และทางรัฐบาล จะยังไม่สามารถตกลงกันได้ในระยะนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมากเป็นพิเศษ เนื่องจากไทยต้องพึ่งพาเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนสูงถึง 12% ของกิจกรรมโดยรวมทางเศรษฐกิจ"
 
        ด้านนักวิเคราะห์จาก Cazenove Asia Ltd กล่าวถึงภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยว่า "ความวิตกกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองจะส่งผลในด้านลบต่อตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ การชะลอตัวลงของตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะยิ่งทำให้ตัวเลขเงินกู้หนี้เสียของไทยพุ่งสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้นักลงทุน 'เทขาย' หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB)"
  
      นอกจากนี้ ดาห์เน รอธ นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จาก ABN Amro Private Bank กล่าวว่า "เราคาดว่าภาวะผันผวนทางการเมืองในประเทศไทยจะยังไม่ยุติลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ และจะส่งผลบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งเราประเมินว่านักลงทุนจะให้ความสนใจต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก"
 
        มาร์ติน โฮเฮนซี นักวิเคราะห์จากดอยช์ แบงค์กล่าวว่า "แม้รัฐบาลไทยสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับขึ้นมาเป็นต่อได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไปแล้ว สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลในด้านลบต่อค่าเงินบาทเพราะไทยสูญเสียเม็ดเงินจากธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก"
 
       ก่อนหน้านี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ขู่ปรับลดอันดับเครดิตของไทย เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไร้เสถียรภาพได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและส่งผลให้เม็ดเงินทุนไหลออกนอกประเทศด้วย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

หุ้นพุ่งขึ้นกว่า100จุดคาดเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 109.44 จุด หรือ 1.38% แตะที่ 8,029.62 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 10.56 จุดหรือ 1.25% แตะที่ 852.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.08 จุดหรือ 0.07% แตะที่ 1,626.80 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.48 พันล้านหุ้นมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบ ในอัตราส่วน 7 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.08 พันล้านหุ้น

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (15) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มการเงิน หลังจากมีรายงานบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐมีแนวโน้มผ่อนคลายลง รวมถึงรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่ระบุว่าเศรษฐกิจชะลอตัวในอัตราที่ช้าลง