ข่าว

ฤทธิ์"ยาบ้า"..ฆ่าโหด..นายจ้าง

ฤทธิ์"ยาบ้า"..ฆ่าโหด..นายจ้าง

04 เม.ย. 2554

"ยาเสพติด" ไม่เคยให้คุณแก่ใคร มีแต่โทษมหันต์และโศกนาฏกรรมเป็นสิ่งตอบแทน... "เดชา มาทา" ลูกจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์ มีพฤติการณ์ติดยาเสพติด เมื่อเกิดอาการคลั่งยาบ้า พยายามขอยืมเงินนายจ้าง เพราะต้องการซื้อยามาเสพ แต่กลับถูกปฏิเสธจึงลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม!!

 ช่วงสายวันที่ 28 มีนาคม นางสุพรรณรัตน์ จงเพิ่มพรวัฒนา หรือ  "อาซ้อ" วัย 65 ปี เจ้าของ หจก.จิ้นซินเฟอร์นิเจอร์หล่มสัก ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่ของเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นมารดาของ นายอภิเดช จงเพิ่มพรวัฒนา รองนายกเทศมนตรีเมืองหล่มสัก ขับรถกระบะออกจากร้านเพียงลำพัง เนื่องจากรู้สึกอ่อนเพลียหลังจากเพิ่งเดินทางกลับจากท่องเที่ยวที่ไต้หวัน จึงกลับมาพักผ่อนที่บ้านเลขที่ 111 ถนนวจี อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์  ซึ่งอยู่ห่างจากร้านเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 2 กม. 

 ระหว่างนั้น "เดชา มาทา" ลูกจ้างของร้านที่รับเข้ามาทำงานไม่ถึงปี กำลังนั่งกระวนกระวายอยู่หน้าร้าน มีอาการตาขวาง ขยับปากอยู่ตลอดเวลาด้วยฤทธิ์ของยาบ้าที่เพิ่งเสพไปไม่นาน และต้องการยาบ้ามาเสพเพิ่ม ในสมองจึงครุ่นคิดถึงแต่ "เงิน" ที่จะเอาไว้ซื้อยาบ้ามาเสพต่อ เมื่อเห็นอาซ้อขับรถออกไป จึงคว้ามอเตอร์ไซค์ขี่ตามไปติดๆ หวังจะขอยืมเงิน แต่หากไม่ให้ก็คงต้องใช้กำลัง

 พลันที่นางสุพรรณรัตน์กลับถึงบ้านซึ่งเป็นโกดังเก็บเฟอร์นิเจอร์จึงไม่ได้ปิดล็อกประตู แล้วเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลีย แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นนายเดชาเข้ามาในบ้าน พร้อมเอ่ยปากขอยืมเงิน 3,000 บาท ด้วยการอ้างความจำเป็นต่างๆ นานา อาซ้อชั่งใจในพฤติการณ์ว่าระยะหลังๆ นายเดชาเปลี่ยนไป จากคนที่เคยใช้ง่าย เรียบร้อยเอาการเอางาน กลับเป็นคนละคน เมื่อเริ่มคบเพื่อนกลุ่มหนึ่งเที่ยวเตร่ เมื่อเวลาทำงานมักมีอาการตาขวาง ขยับปากตลอดเวลา จนนายอภิเดช รองนายกเทศมนตรี เคยเรียกมาสอบถามว่าติดยาใช่หรือไม่ แต่นายเดชาก็ไม่ยอมรับ จึงได้แค่ว่ากล่าวตักเตือนอบรมสั่งสอนไป

 "จะเอาเงินไปซื้อยาเหรอ ถ้าอย่างนั้นออกไปเลย" อาซ้อทักท้วงออกไปทันที จากนั้นรีบเดินเลี่ยงขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน

 ด้วยอาการเมายาและเสี้ยนยาบ้าในคราวเดียวกัน นายเดชาเดินเข้าไปในครัวคว้ามีดเดินตามขึ้นไปอย่างคนเสียสติ เมื่อถึงตัวเหยื่อก็ถามว่า "จะให้เงินหรือไม่ ถ้าไม่ให้ตาย" แต่ไม่ทันที่เหยื่อจะได้เอ่ยปากตอบ ปลายมีดแหลมจ้วงแทงเข้าที่ท้องอย่างบ้าคลั่ง 11 แผล ก่อนถูกปาดคอซ้ำอีก 2 ครั้งจนเสียชีวิต

 หลังจากลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม นายเดชามองซ้ายมองขวาเห็นทีวีจอแบนยี่ห้อโซนี่ขนาด 32 นิ้ว วางอยู่ จึงอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขี่มุ่งหน้าไปโรงรับจำนำที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุไม่กี่เมตร เอาบัตรประชาชนแสดงตัวจำนำทีวีได้เงินมา 3,000 บาท แล้วรีบนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ เหลือเงินอยู่ 2,700 บาท นำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ แล้วกลับมานั่งทำงานที่ร้านเฟอร์นิเจอร์เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น พอตกเย็นก็กลับไปนอนบ้านเช่ากับพี่สาว ที่บ้านร่องไผ่ เลขที่ 300/1 ต.ตาลเดี่ยว กระทั่งถูกตำรวจตามมาจับกุม ตัว

 ขณะที่ลูกๆ และญาติของนางสุพรรณรัตน์ทราบว่าเกิดเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจากนายอภิเดช ที่กลับเข้าบ้านในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เห็นรถยนต์ของมารดาจอดอยู่ แต่ไม่เห็นนอนเล่นอยู่ในบ้านเหมือนเคย จึงตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ สังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุร้ายจึงรีบวิ่งไปดูบนห้องนอน ก็พบว่าถูกฆาตกรรมแล้ว

 แนวทางในการสอบสวน ทั้งสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุที่ไม่มีร่องรอยการงัดแงะ เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนที่เข้านอกออกในและรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ประกอบกับมีพยานเห็นนายเดชาเข้าบ้านในช่วงเกิดเหตุ และมีคนเห็นอุ้มทีวีขนาดใหญ่ รวมทั้งหลักฐานจากโรงรับจำนำมัดนายเดชาแน่น จนนำไปสู่การจับกุมและให้การรับสารภาพในที่สุด

   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงสร้างความบอบช้ำเสียใจให้แก่ครอบครัว "จงเพิ่มพรวัฒนา" เท่านั้น แม้แต่ชาวบ้านร้านตลาดแถวนั้นยังให้ความเคารพนับถือนางสุพรรณรัตน์อย่างมาก จึงรู้สึกเศร้าเสียใจไม่น้อยกว่าญาติสนิทคนอื่นๆ เมื่อตำรวจพานายเดชา ผู้ก่อเหตุกินบนเรือนมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กลุ่มคนต่างฮือจะเข้ารุมประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก แต่นายอภิเดช รองนายกเทศมนตรี ได้ขอร้องชาวบ้าน และบอกว่าให้กฎหมายและกรรมเป็นผู้ลงโทษผู้ทำความผิดเอง จึงรอดพ้นจากการถูกประชาทัณฑ์ได้อย่างหวุดหวิด

       - สนม บุญจันทึก -