ข่าว

"ยุทธชัย ลาคำ"นายกพระลับ
เด็กในชุมชนมีโอกาสเท่าคนเมือง

"ยุทธชัย ลาคำ"นายกพระลับ เด็กในชุมชนมีโอกาสเท่าคนเมือง

01 เม.ย. 2554

เด็กๆ ในชุมชนเกิดความตื่นตัวมาก ดีใจที่ได้เรียนพิเศษกับอาจารย์ ม.ขอนแก่น

"ยุทธชัย ลาคำ" นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น วัยเด็กเห็นเพื่อนได้เรียนพิเศษในตัวเมือง มีโอกาสทางศึกษาดีๆ ตัวเองยากจนหมดโอกาสเหมือนเพื่อน ปิดเทอมได้แต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แต่ด้วยมุมานะจึงจบการศึกษาระดับปริญญตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย

 พอได้เป็น”นายกทต.พระลับ” แนวนโยบายที่ให้ความสำคัญระดับต้นๆ คือ โอกาสทางการศึกษาของเยาวชน โดยดึงเด็กในชุมชนกว่า 700 คนร่วมโครงการสอนหนังสือให้น้องช่วงปิดเทอม เพื่อสานสัมพันธ์พี่น้อง ลดปัญหาแตกแยกในกลุ่มวัยรุ่น และเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนการสอนให้เกิดขึ้น สามารถนำไปใช้ได้จริง

 ถาม- เมื่อได้เป็นนายกแล้วมองอย่างไรกับเด็กๆ ในชุมชนที่ไม่มีโอกาสเรียนพิเศษ
 ตอบ- ชีวิตในวัยเด็กผมเก็บกดนะ พ่อแม่มีฐานะปานกลาง เงินทองหายาก เห็นเพื่อนบางคนได้ไปเรียนพิเศษในตัวเมือง ก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจบ้างอยากไปเรียนกับเขา แต่ด้วยขัดสนในด้านการเงินจึงทำได้แค่เที่ยวเล่นไปวันๆ กับเพื่อนๆ ในชุมชนเท่านั้น เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาบริหารตำบลพระลับ หวนกลับไปคิดถึงความหลังวัยเด็กที่ขาดโอกาสได้เรียนพิเศษเหมือนกับเขา นำเรื่องโครงการเทศบาลพระลับสอนหนังสือให้น้องช่วงปิดเทอมเข้าสู่สภา สมาชิกทุกคนเห็นดีด้วย จึงได้คิดคำนวณเขียนเป็นแผนออกมา เพื่อเตรียมดึงงบประมาณมาเป็นค่าว่าจ้างอาจารย์ใน ม.ขอนแก่น มาสอนพิเศษให้แก่เด็กๆ ในชุมชนทั้ง 19 หมู่บ้าน
 
 ถาม-ผลตอบรับหลังจากเปิดโครงการขึ้นมา
 ตอบ-หลังจากเปิดโครงการเทศบาลสอนหนังสือให้น้องขึ้นมา เมื่อช่วงปิดเทอมใหญ่ช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพระลับทำหนังสือไปยังผู้นำชุมชนในพื้นที่ตำบลพระลับทั้ง 19 หมู่บ้านป่าวประกาศผ่านหอกระจายข่าว ถึงการเปิดโครงการเทศบาลสอนหนังสือให้น้อง ให้เด็กนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ ตั้งแต่ประถมศึกษา ไปจนถึงระดับมัธยม ให้เข้ามายื่นใบสมัครเพื่อเรียนพิเศษกับเทศบาล โดยจะมีอาจารย์จาก ม.ขอนแก่น เป็นผู้สอน

 หลังจากผู้นำชุมชนหรือผู้ใหญ่บ้านป่าวประกาศผ่านหอกระจายข่าวออกไป 2 วัน ทั่วทั้งตำบลจาก 19 หมู่บ้าน ก็เกิดคำถามจากผู้ปกครองว่าจะมีการสอนจริงหรือไม่ ผมจึงได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน แจกแจงรายละเอียดให้ฟังทุกหมู่บ้าน เด็กๆ ในชุมชน กว่า 700 คน แห่ยื่นใบสมัครเข้าร่วมโครงการ ด้วยความดีใจกันยกใหญ่อยากเรียนพิเศษกับอาจารย์ ม.ขอนแก่น

 ถาม-เมื่อเด็กๆ แห่เข้าสมัครเรียนถึง 700 คนบริหารจัดการเรียนการสอนอย่างไร
 ตอบ-ผมกับทีมงานก็ต้องกลับมาคิดว่าจะบริหารจัดการเรียนการสอนอย่างไร จนที่ประชุมเห็นว่า ไหนๆ ก็จะเปิดโครงการแล้ว เด็กๆ แห่สมัครเข้ามาจำนวนมากไม่เป็นไร เทศบาลจัดงบส่วนนี้ออกมา เปิดสอนพิเศษเป็น 3 ศูนย์ แยกเด็กไปเรียนตามสภาพพื้นที่ใกล้เคียง โดยใช้หอประชุมโรงเรียนเป็นสถานที่ จากนั้นก็ว่าจ้างอาจารย์มาสอนโดยมีการบริหารจัดการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสอนไปทุกศูนย์ จนสามารถตกลงกับอาจารย์ผู้สอนได้ เทศบาลจึงจัดงบจำนวน 2 แสนบาท เป็นค่าจ้างอาจารย์ เปิดสอนตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา เด็กๆ ในชุมชนเกิดความตื่นตัวมาก ดีใจที่ได้เรียนพิเศษกับอาจารย์ ม.ขอนแก่น เหมือนกับเพื่อนๆของพวกเขาที่พ่อแม่มีเงินส่งลูกไปเรียนกวดวิชาในตัวเมือง 

 ถาม-แล้วโครงการเริ่มมา 2 ปี เด็กๆ ในชุมชนได้อะไรบ้าง
 ตอบ-หลังจากเปิดโครงการมา 2 ปี ผลตอบรับดีมาก เด็กๆ ที่เข้ามาร่วมเรียนพิเศษกับโครงการ ส่วนใหญ่จะไม่ไปเที่ยวเตร่ที่ไหนในช่วงปิดเทอม เพราะการเปิดสอนพิเศษมีการเรียนการสอนถึง 2 เดือน คือช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม มีการเรียนการสอนในช่วงกลางวัน “จันทร์-ศุกร์” เด็กๆ ที่ร่วมโครงการก็ไม่ได้ไปไหน เมื่อเข้ามาแล้วก็อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่เทศบาล ทำให้ผู้ปกครองเชื่อใจวางใจที่เห็นลูกๆ มาเรียนพิเศษ

 ขณะเดียวกัน แรงจูงใจที่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เด็กในชุมชนแห่สมัครเข้ามาเรียนพิเศษ เนื่องจากเด็กเกือบ 50% สอบเข้าเรียนกับโรงเรียนชั้นนำในเมืองใหญ่ๆ ได้ เด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ก็สามารถสอบผ่านเข้าเรียนในคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในเขตภูมิภาคและในกรุงเทพฯ ได้จำนวนมาก จึงทำให้เกิดแรงจูงใจสมัครเข้ามาร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก

 ในปีนี้เทศบาลก็ได้สานต่อโครงการออกไปอีกทั้ง 3 ศูนย์เช่นดิม ซึ่งการเรียนการสอนก็ได้เปิดสอนในเดือนมีนาคม-เมษายน 2554 เด็กๆ ในชุมชนต่างเฝ้ารออยากเรียนพิเศษ เห็นแล้วก็ชื่นใจ

 พร้อมยืนยันชัดเจนว่าเทศบาลพร้อมจะสนับสนุนโครงการนี้ไปตลอดจนครบวาระการบริหารงาน!

"สมโภชน์ สมบัติ"