ข่าว

ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือนรัฐวิสาหกิจ5%

ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือนรัฐวิสาหกิจ5%

28 มี.ค. 2554

ครม.ไฟเขียวขึ้นเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจ 5% สำหรับคนที่เงินเดือนไม่ถึง 5 หมื่นบาท พร้อมเพิ่มโบนัสพิเศษ 5 แบงก์รัฐอีก 1 เดือน สั่งทุกหน่วยงานเร่งจัดทำงบประมาณปี 55 วงเงิน 2.25 ล้านล้านบาททันเข้า ครม. 26 เม.ย.นี้ ส่วน มท.รายงานผลการปราบปรามผู้สูงอายุภาคใ

พนักงานรัฐวิสาหกิจ แบงก์รัฐเฮ ครม.อนุมัติขึ้นเงินเดือนให้พนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนไม่ถึง 5 หมื่นบาทอีก 5% เพิ่มโบนัสพนักงาน 5 แบงก์รัฐพิเศษอีก 1 เดือน สั่งข้าราชการ รัฐวิสาหกิจเร่งปรับปรุงรายละเอียดงบปี 2555 เสนอ ครม.อนุมัติ วันที่ 26 เมษายน ก่อนยุบสภา ทุ่มงบการศึกษา คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิตสร้างความเท่าเทียมกันในสังคมกว่า 7.6 แสนล้านบาท

 นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) เมื่อวันที่ 28 มีนาคมว่า ที่ประชุมอนุมัติปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 5 สำหรับพนักงานที่มีเพดานเงินเดือนไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน และเงินส่วนที่ปรับเพิ่มต้องไม่เกิน 5 หมื่นบาท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ โดยมีผลวันที่ 1 เมษายน 2554 นี้

 รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นเงินเดือนครั้งนี้จะสอดคล้องกับการปรับเงินเดือนของข้าราชการที่จะมีผลในเดือนเมษายน 2554 ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ได้ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งนำรายได้ของตนเองมาเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ และจะต้องไม่กระทบกับเงินนำส่งรายได้ให้แก่กระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่องบประมาณของรัฐต่อไป

 นพ.มารุต มัสยวาณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.อนุมัติให้ปรับเพิ่มโบนัสให้แก่พนักงานธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่งเพิ่มเติม นอกจากโบนัสที่ได้รับปกติในแต่ละปีอีก 1 เดือน ได้แก่  ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่พนักงานที่ได้ช่วยปล่อยสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก

 พร้อมกันนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เร่งปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายปี 2555 ตามยุทธศาสตร์ 6 ด้านให้อยู่ภายในกรอบวงเงินรวม 2.25 ล้านล้านบาท เพื่อเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันที่ 5 เมษายนนี้ ก่อนเสนอ ครม.วันที่ 26 เมษายนนี้อีกครั้ง โดยยุทธศาสตร์ที่ได้รับการจัดสรรมากสุด ได้แก่ ยุทธศาสตร์การศึกษา คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิตและความเท่าเทียมกันในสังคม วงเงิน 762,831.1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 33.9% ของงบประมาณรวม

 หน่วยงานราชการที่ได้รับงบมากที่สุด ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ วงเงินรวม 410,600 ล้านบาท หรือ 18.3% รองลงมา ได้แก่ รายการงบกลาง จำนวน 289,016.1 ล้านบาท หรือ 12.8% ของสัดส่วนงบ โดยเพิ่มขึ้นจาก 265,763 ล้านบาท ของปีงบประมาณ 2554 จำนวน 23,253.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.7%

 ขณะเดียวกัน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ได้รายงานการแก้ไขปัญหาการเล่นพนันหวยหุ้นต่อที่ประชุม ครม.โดยมีรายละเอียดว่า การประชุม ครม.วันที่ 11 มกราคม 2554 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เสนอว่า ปัจจุบันมีการเล่นพนันหวยหุ้นโดยใช้ผลการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์มาเป็นเกมเสี่ยงทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดทางภาคใต้พบว่ามีการจูงใจให้ผู้สูงอายุนำเงินเบี้ยยังชีพไปซื้อหวยหุ้น ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการจ่ายเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งแก้ไขโดยด่วน  

 อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.ในวันนั้น มอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปดำเนินการ โดยกระทรวงมหาดไทยแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับทราบและรายงานกลับมาแล้ว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่กระทรวมหาดไทยเสนอต่อ ครม.วันนี้คือ เอกสารที่นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด โดยอ้างมติ ครม.วันที่ 11 มกราคม 2554 ใจความว่า การเล่นหวยหุ้นนั้นได้นำดัชนีสองตัวสุดท้ายหลังจุดทศนิยมเป็นผลแพ้ชนะในแต่ละรอบ ซึ่งวิธีการเล่นคล้ายกับการเล่นหวยใต้ดิน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้วรายงานผลกับกระทรวงต่อไป

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การประกาศขึ้นเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้เงินเดือนไม่ถึง 5 หมื่นบาทอีก 5% นั้น ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง แต่รัฐบาลได้ประกาศชัดเจนว่าจะขึ้นเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ 5% ซึ่งมีผลวันที่ 1 เมษายน และการขึ้นเงินเดือนให้แก่รัฐวิสาหกิจก็เป็นตัวเลขเดียวกันคือ 5% เพียงแต่ปกติเงินเดือนรัฐวิสาหกิจจะสูงกว่าเงินเดือนข้าราชการ ดังนั้นใครมีเงินเดือนเกิน 5 หมื่นบาทก็ไม่จำเป็นต้องปรับ ส่วนกรณีของสถาบันการเงินที่มีเงินพิเศษให้ 1 เดือนนั้น ความจริงแล้วมีการเสนอขอปรับอัตรามาเกินร้อยละ 5 แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าให้ปรับได้ไม่เกินร้อยละ 5 และให้เงินพิเศษ 1 เดือน ก็จะไม่เป็นการเพิ่มฐานเงินเดือน
  
         "การขึ้นเงินเดือนครั้งนี้รัฐบาลจะได้ใจจากบรรดาข้าราชการและรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในเมื่อเงินเดือนข้าราชการไม่ได้มีการปรับมานานแล้ว เมื่อรัฐบาลมีการกำหนดที่จะปรับฐานเงินเดือนข้าราชการก็ควรจะพิจารณากัน ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งแน่ เพราะรัฐบาลตัดสินใจทำเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ และอย่างไร" นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำ