ข่าว

"พระองค์ที"ทรงมีพัฒนาการสมพระชันษา

"พระองค์ที"ทรงมีพัฒนาการสมพระชันษา

25 มี.ค. 2554

เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของโรงเรียนจิตรลดาไปแล้ว ที่ก่อนเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลและประถมศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจะเข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรและรางวัล

 จะได้สนุกสุดเหวี่ยงในช่วงฤดูปิดภาคการศึกษาพร้อมโชว์ความสามารถในงานปิดภาคการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2553 ณ ศาลาผกาภิรมย์ โรงเรียนจิตรลดา

 โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาพระราชทานรางวัลและทอดพระเนตรการแสดง เริ่มด้วยการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง "พ่อของแผ่นดิน" ซึ่งขับร้องโดย คุณพลอยไพลิน เจนเซ่น นั้น ประกอบไปด้วยการแสดง 5 ชุด คือ ชุดรีวิวประกอบเพลง ชุดภาคเหนือ ชุดภาคอีสาน ชุดภาคใต้ และชุดภาคกลาง โดยการแสดงชุดภาคอีสานนั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงร่วมแสดงเป็นผีตาโขนด้วย

 ท่านผู้หญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ ผู้จัดการและผู้อำนวยการโรงเรียนจิตรลดา เผยถึงพัฒนาการของ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ว่า ทรงเจริญพระชันษาขึ้น ทรงทำกิจกรรมต่างๆ ได้สมวัยโดยเฉพาะการขีดเขียน ที่แสดงให้เห็นว่ากล้ามเนื้อพระหัตถ์ดีขึ้น เข้าพระทัยและสนพระทัยในการเรียนมากยิ่งขึ้นด้วย อย่างการแสดงครั้งนี้เสด็จมาซ้อมเหมือนกับพระสหายทุกครั้ง และขณะที่พระสหายแสดงอยู่นั้น จะประทับทอดพระเนตรฉากอื่นๆ ด้วย

 "ปีการศึกษาที่ผ่านมานี้พระองค์ทีสนพระทัยการเรียนมากขึ้น สามารถอยู่กับการเรียนได้นานขึ้น แต่ยังไม่ได้สนพระทัยวิชาไหนเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะยังทรงพระเยาว์มาก แต่โปรดดนตรีไทยหากทรงเห็นคนเล่นดนตรีไทย จะทรงเข้าไปขอลองเล่นเครื่องดนตรีเหล่านั้นทุกชนิด ซึ่งปีหน้าที่จะทรงศึกษาในระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จะมีหลักสูตรการสอนวิชาดนตรีไทย แล้วจะได้ทรงลองเล่นเครื่องดนตรีว่าสนพระทัยเครื่องดนตรีชิ้นไหน

 พระสหายของพระองค์ทีได้เลื่อนชั้นพร้อมกันหมด แต่อาจจะไม่ได้อยู่ห้องเรียนเดียวกันทุกคน เพื่อจะได้สร้างสัมพันธ์กับพระสหายใหม่ๆ แต่พระองค์ทีทรงรักพระสหายทุกคนไม่เคยรังแกใคร การเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 หลักสูตรจะเข้มข้นขึ้น เรียนมากขึ้นกว่าเดิม ในช่วงเช้าจะเรียนวิชาการส่วนภาคบ่ายจะเป็นกิจกรรมที่อิงการเรียนวิชาการ อย่างวิชาวิทยาศาสตร์ก็จะเป็นการทดลอง เพราะเด็กเรียนวิชาการอย่างเดียวน่าสงสาร ดูเหนื่อยเกินไป แล้วยังเป็นการส่งเสริมพัฒนาการของพวกเขาพร้อมๆ กับการเรียนด้วย" ท่านผู้หญิงอังกาบ กล่าว