สึมานิถล่มญี่ปุ่นฉุดยางไทยร่วง28บาท | คมชัดลึก

วันนี้ (14มี.ค.) นายพิชิต สพโชค ผอ.ตลาดกลางยางพารายะลา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา เปิดเผยว่า  สถานการณ์ราคายางพาราทุกประเภทมีอัตราลดลงประมาณ 28 บาท จากราคายางแผ่นดิบเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมากิโลกรัมละ 123 บาทปัจจุบันเหลือ 95 บาทต่อกิโลกรัม , ยางแผ่นรมควันชั้น3 อยู่ที่ 129 บาทต่อกิโลกรัมปัจจุบันเหลือเพียง 105 บาทและน้ำยางสด 114 บาทต่อกิโลรัม ปัจจุบันเหลือกิโลกรัมละ97 บาทเท่านั้นนอกจากนี้ยังมีแนวโน้มลดลดอย่างต่อเนื่อง โดยจากการวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นผลมาจากสถานการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งรุนแรงในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 2 รองจากประเทศจีน ทำให้ผู้ประกอบการไม่มั่นใจในสถานการณ์และชะลอการซื้อชั่วคราวเพื่อประเมินทิศทางในอนาคต

 "ราคายางมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง  เพราะปัจจัยภายนอกไม่เอื้อต่อตลาดและราคา โดยเฉพาะตลาดล่วงหน้าโตเกียวปรับตัวลดลงมาก  หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในญี่ปุ่น  ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ประกอบกับจีนหามาตรการชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยใช้นโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วง 2 - 3 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ราคายางมีแรงกดดันจากพ่อค้าคนกลางยังคงระบายสินค้าออกมา ขณะที่ผู้ส่งออกยังมีสินค้าในโรงงานจำนวนมาก ระบายสินค้าออก ทำให้ทิศทางของราคายางในช่วงนี้ผันผวนค่อนข้างแรง" นายพิชิต กล่าว

 ผอ.ตลาดกลางยางพารายะลา  กล่าวอีกว่า ผลจากภาวะการณ์ดังกล่าวทำให้บรรยากาศการเปิดประมูลราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพารายะลาวันนี้ต้องหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากไม่มีผู้ค้าหรือผู้ประกอบการเข้าร่วมการประมูลแม้แต่รายเดียว จากในช่วงปกติจะมีผู้เข้าร่วมประมูลยางซึ่งมีปริมาณยางประมาณ 20-30 ตันเฉลี่ยวันละ 4-5 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกที่ชัดเจนถึงแนวโน้มตลาดยางพาราในประเทศไทยที่อาจต้องหยุดชะงักชั่วคราว

 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงยางผลัดใบประมาณ 1-2 เดือนประกอบกับราคายางเริ่มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะเป็นช่วงที่ชาวสวนยางพาราช่วยกันพลิกกฤติเป็นโอกาส โดยการพัก หรือชะลอการกรีดยางชั่วคราวเพื่อพักหน้ายางหลังจากที่โหมกรีดกันมาอย่างหนักในช่วงราคายางพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เพื่อรอให้กลไกการตลาดต่างๆทั้งจากปัจจัยภายนอกประเทศและกลไกที่ปัจจุบันต้องเผชิญกับความผันผวนค่อนข้างแรงให้กลับเข้าสู่สภาพนิ่งก่อนเข้าสู่ฤดูกาลกรีดยางอีกครั้ง

 นายชุมพล กิติสาธร ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคายางในขณะนี้มีหลายปัจจัยที่มีผลมาถึงราคา ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ตลาดกลางโตเกียวที่ญี่ปุ่น ที่ซื้อลดลง  หลังเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น เมื่อมีการซื้อลดลงก็ทำให้นักลงทุนเทขาย เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะซบเซา รวมทั้งที่ผ่านมาได้มีการกว้านซื้อจากโรงงานไปเป็นสต๊อกเอาไว้จำนวนมาก อีกทั้งอุปทานของชาวสวนยางในพื้นที่ยังไม่ลดลง ทั้งๆที่ในช่วงนี้อยู่ในระหว่างช่วงของยางผลัดใบ ซึ่งไม่ควรกรีดยาง แต่เกษตรกร ก็ยังคงกรีดยางกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณยางออกมาในตลาดไม่ลดลง แต่ความต้องการของตลาดลดลง จึงส่งผลให้ราคาลดลงมาในช่วงนี้

 "ตลาดกลางโตเกียว ญี่ปุ่น ถือเป็นตลาดที่มีการซื้อขายเป็นหลัก เมื่อตลาดกลางโตเกียวชะลอตัวการซื้อ ก็ทำให้ราคาลดลงได้ รวมทั้งล่าสุดมีแผ่นดินไหว และสึนามิ ไทยเคยมีสถิติราคายางสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 187 บาท แต่ล่าสุดในวันนี้ราคาลดลงมาเหลือ 123 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาที่ลงต่ำในช่วงนี้ ผมอยากจะเตือนเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่  ระยะนี้อยู่ในช่วงต้นยางผลัดใบ ก็อยากให้หยุดกรีดยางเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของต้นยางไปก่อน เพื่อรอให้ราคายางกลับขึ้นมา ” นายชุมพล กล่าว

 นายวิเชียร เลิศพงษ์พิรุฬห์ พ่อค้าที่รับซื้อยางพาราในเขตเทศบาลนครยะลา เปิดเผยว่า ราคายางในช่วงนี้ในแต่ละโรงงานไม่เท่ากัน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะไปยึดกับราคากลางเช่นวันนี้ราคา 123 บาท แต่เอาเข้าจริงๆ โรงงานก็ไม่ได้ซื้อในราคานี้จะซื้อในราคาที่ต่ำกว่า บางแห่งอาจจะรับซื้อแค่ 80 บาท ตนเองในฐานะที่เป็นพ่อค้าที่รับซื้อยางจากเกษตรกร ในช่วงนี้ก็ไม่กล้ารับซื้อ เพราะเกรงว่าถ้าซื้อในราคาหนึ่ง แล้วจะขายไม่ได้ เพราะราคาที่โรงงานลดตามหลังมา และเมื่อจะซื้อในราคาต่ำ ลูกค้าก็จะหาว่าพ่อค้ากดราคา พ่อค้าจะต้องยึดราคาของโรงงานเป็นหลัก จะไปยึดราคากลางไม่ได้ และในวันนี้ก็เชื่อว่าราคาจะลงไปอีก เพราะเงินเยน ลดลง 17 เยน ก็เชื่อว่าราคาอาจจะลดลงอีก 10 บาทต่อ กิโลกรัม และในช่วงนี้ญี่ปุ่นปิดประเทศ หากญี่ปุ่นฟื้นตัวได้เร็ว และเศรษฐกิจในช่วงนี้ไม่ถดถอยลง ก็อาจจะมีโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นมาได้บ้าง

ร้านรับซื้อยางแผ่นพัทลุงซบเซา

 นายรังสรรค์   รณรงค์เสนีย์   อายุ 54 ปี เจ้าของร้านอ้อนการยาง ที่รับซื้อยางแผ่น ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง กล่าวว่า ในช่วงนี้แทบจะไม่มียางแผ่นเข้าร้าน เนื่องจากเกษตรชาวสวนยางนิยมขายน้ำยางสด แทนการแปรรูปยางแผน เพราะการทำยางแผ่นจะมีหลายกระบวนการ กว่าจะออกมาเป็นยางแผ่น ในขณะที่ราคายางแผ่นกับราคาน้ำยางสด ราคาแตกต่างกันเพียงกิโลกรัมละ 10 บาทเท่านั้น ถึงราคาน้ำยางสดจะปรับลดลงแต่เกษตรชาวยางก็ไม่หันมาทำยางแผ่นอย่างแน่นอน

 จากที่ในอดีตจะมีร้านรับซื้อยางแผ่นในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงคึกคักมีร้านรับซื้อยางแผ่นมากกว่า 10 ร้าน แต่เดี๋ยวนี้ซบเซา เหลือเพียงร้านของตนเพียงร้านเดียว ตอนนี้ยางแผ่นที่ทางร้านรับซื้ออยู่นั้นรับซื้อจากที่เกษตรชาวสวนยางที่มีสวนยางในพื้นที่การเดินทางเข้าออกสวนยางลำบาก เกษตรชาวสวนยางจึงทำยางแผ่นแทน

 ด้านนายเฉด เอียดนุ้ย เกษตรชาวสวนยาง ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา จ.พัทลุง กล่าวว่า ตอนนี้ตนขายน้ำยางสดเพราะสะดวกรวดเร็วใช้เวลาน้อย ออกจากบ้านไปกรีดยางประมาณตี 4 แล้วเสร็จก็ตอน 7 โมงเช้า ในเวลาน้อยกว่าการทำแผ่น แต่ขณะนี้ไม่สามารถกรีดยางได้เนื่องจากมีฝนตกลงมาในพื้นนี้ติดต่อกันมากว่า 3-4 วันแล้ว ส่งผลให้ครอบครัวขาดรายได้ เพราะตนมีรายได้จากการกรีดยางเพียงอย่างเดียว ถึงราคายางน้ำยางสดจะปรับลดจากกิโลกรัมละ 180 บาท เหลือกิโลกรัมละ 80 บาท แต่เมื่อฝนตกลงมาอย่างนี้ก็ไม่สามารถกรีดยางได้

เลยราคายางดิ่งเช่นกันแต่กระทบเกษตรกรน้อย

 นายวิโรจน์   จิระวัฒน์  ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนส่วนยางจังหวัดเลย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น อาจจะส่งผลกระทบให้ราคายางพาราลดลงวูบจาก 160 บาท เหลือเพียง 90 บาทต่อกิโลกรัมนั้น สำหรับจังหวัดเลยนั้น ไม่มี่สหกรณ์การเกษตรที่รับซื้อยางพาราโดยตรง มีเพียงพ่อค้าคนกลางมาซื้อเป็นแบบขาจร ส่วนที่ อ.ปากชม และ ต.กกดู่ อ.เมือง 2 แห่ง ก็เป็นเพียงจุดรวบรวมยางจากสมาชิก และเป็นศูนย์บริการแก่พ่อค้า ซึ่งในปี 2554 มีที่ อ.วังสะพุงและ อ.เมืองเลย มาขอข้อมูลเพื่อจัดตั้งเป็นจุดรับซื้อยางขึ้นเท่านั้น

 "ส่วนผลกระทบกับเกษตรกรนั้น กระทบน้อยเนื่องจากเป็นช่วงปิดหน้ายาง ปิดกรีดยาง มีเพียงบางรายเท่านั้นที่ยังกรีดอยู่  ทางญี่ปุ่นเองรับซื้อยางจากไทยเป็นอันดับ 2  ส่วนอันดับที่ 1 คือจีน การเปิดกรีดยางของจังหวัดเลย จะเริ่มขึ้นหลังสงกรานต์ปีนี้ ก็ได้แจ้งไปหลายครั้งกับเกษตรกรว่าอย่าหลงกระแสยางราคาสูงมากเกินไป ต้องปลูกพืชอื่นแซมควบคู่ไปด้วย ไม่มีพืชชนิดใดในโลกที่ราคาสูงขึ้นตลอดไปส่วนราคายางที่ลดลงฮวบนั้นสาเหตุก็มาจากโรงงานผลิตรถยนต์และโรงงานที่เกี่ยวกับยางปิดกิจการลงจากเหตุสึนามินั่นเอง"นายวิโรจน์ กล่าว

 ด้านนายทรงศักดิ์  ประจงจัด  นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดเลย เปิดเผยในกรณีเดียวกันว่า ไม่กระทบกับชาวสวนยาง จ.เลย มากนัก เนื่องจากเมืองที่ได้รับภัยธรรมชาติที่ญี่ปุ่นมีอุตสาหกรรมรถยนต์น้อย แต่ทำมากคือการเกษตรกร  ผลกระทบด้านอาหารหนักมากกว่า ด้านอื่นๆ  ที่ต้องขาดแคลนหนักและยางที่ซื้อจากไทยมีไม่มากนัก   และช่วงนี้เป็นช่วงปิดหน้ายาง 3 เดือน คือ ก.พ.-เม.ย. จะเปิดอีกทีคือ ปลาย เม.ย.นี้หรือเปิดกรีด 9 เดือนต่อปี ขณะนี้ยางแผ่นรมควัน ยางดิบมีน้อยมาก  ทำให้แม้ราคาลดลงก็ไม่กระทบเกษตรกร

สุเทพฟุ้งหมูมากฝ่ายค้านอภิปรายยกปัญหายาง

 
 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ตนจะประชุมคณะกรรมการนโยบายยางฯ เพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำลง

 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าพ่อค้ายางพารารายหลักๆ ในภาคใต้รวมหัวกันกดราคายาง จนตกลงไปเหลือก.ก. 60 บาท ประธานคณะกรรมการนโยบายยางฯ กล่าวว่า ราคายางเดิมทีอยู่ที่ก.ก.ละ 38-39 บาท ไม่ถึง 40 บาท พอรัฐบาลนี้เข้ามาก็พยายามแก้ไข โดยมีเป้าหมายว่าต้องให้เกินกก.ละ 80 บาท แต่พอทำไปแล้วมันก็ไปไกลขึ้นไปก.ก. 180 บาท ซึ่งอันนั้นมันเกินจริง ถือว่าชาวสวนยางเฮง และ ฟลุ๊คด้วย แต่เมื่อราคายางต้องปรับลงมา เราถือว่าเป็นธรรมดา ต้องคิดถึงผู้ซื้อด้วยเหมือนกัน อาจจะต้องปรับสูตรส่วนผสมระหว่างยางธรรมชาติกับยางเทียม ซึ่งจะกระทบกันไปมาก ขณะเดียวกับเราก็ปล่อยให้ราคายางตกลงไปอย่างเดิมไม่ได้ ตนจึงเชิญบริษัทผู้ส่งออกมาคุยกัน เพื่อหารือว่าเราจะเตรียมการตั้งรับอย่างไร สำหรับตนวันนี้อยากจะให้ยางพาราได้ราคาก.ก.ละเกิน 100 บาท

 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวออกมาว่าพ่อค้าที่รวมหัวกันปั่นราคา เพื่อจะไปช้อนซื้อตอนที่ราคาตกลง เพื่อนำไปขายฟันกำไรอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น ราคายางหรือราคาปาล์มก็ดี มีราคามาตรฐานอยู่ในตลาดโลก ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มฟังวิทยุดูโทรทัศน์ทุกวัน เพื่อติดตามดูข้อมูล ดังนั้นใครจะปั่นราคาไม่ใช่ง่าย สิ่งที่จะต้องทำต้องไปเป็นขบวนเป็นระบบ ทั้งผู้ผลิตรายใหญ่คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามก็ต้องคุยกัน และต้องคุยกับผู้ซื้อด้วย เรื่องนี้ต้องค่อย ๆดูกันไป

 นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสอบสวนการกักตุนน้ำมันปาล์มนั้น เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดตามสอบไปเรื่อย เมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค. พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พงศ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ก็มารายงานว่า ได้ออกไปดูทั่วว่าน้ำมันปาล์มมีขายทั่วไปครบถ้วน ไม่มีใครขายเกินราคา

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่านเชื่อรายงานนี้หรือ เพราะข้อเท็จจริงยังหาซื้อไม่ได้ และมีการขายเกินราคาขวดละ 56 บาท รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ซื้อที่ไหน ตลาดสดหรือ ต้องบอกคนขายว่าเขาผิด เพราะราคาที่กำหนดเขามีกำไรแล้ว

 ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฝ่ายค้านจะเอาเรื่องยางพาราไปอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มฯ กล่าวว่า “ อ๋อนั่นหมู ที่เขาจะอภิปรายผมเห็นแล้ว เพราะว่าเขาจะไปอภิปรายเรื่องของการคืนเงินค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกยาง ไอ้นั่นสบาย ผมขอบคุณอยู่แล้วที่เขาอภิปรายเรื่องยาง จะได้ถือโอกาสอธิบายให้ประชาชนเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดว่า รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างไร และเป็นผลดีต่อประเทศชาติประชาชนอย่างไร ต้องขอบคุณฝ่ายค้านอย่างยิ่งเลยสำหรับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเรื่องปาล์มน้ำมัน”