
อดิศรแนะแกนนำนปช.เข้ามอบตัวสู้คดี
"อดิศร" มอบตัวDSIปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยันถอนตัวจากการชุมนุมตั้งแต่ 11 พ.ค. 53 เผย 9 เดือนไม่เคยหนีออกนอกประเทศแต่หลบอยู่ในกรุงเทพฯและภาคอีสาน แนะเพื่อนแกนนำเสื้อแดงเข้ามอบตัว เพราะบ้านเมืองเดินหน้าสู่การปรองดองแล้ว พร้อมปัดเข้าร่วมชุมนุม 12 มี.ค.
(10มี.ค.) นายอดิศร เปิดเผยภายหลังเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลายไปสู่ความปรองดอง เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติและประชาชน ตนจึงประสานดีเอสไอเพื่อเข้ามามอบตัว เดิมตนไม่อยากให้เป็นข่าว อยากมามอบตัวเงียบ ๆ แต่ไม่เจอกับนักข่าวนานก็ขอคุยสักนิด การมอบตัววันนี้ทางดีเอสไอให้เกียรติมาก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ก็มาดูแลจัดกาแฟมาให้ดื่ม และมีการสอบสวนตามกฎหมาย โดยตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะขอยื่นคำให้การเป็นเอกสารและนำพยานเข้าให้การ เนื่องจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและข้อหาอื่นๆ ทั้งที่ยุติการชุมนุมที่เวทีราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2553 จากนั้นก็ได้หลบไปช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกตั้งข้อกล่าวหา เราก็แก้ไปเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ และได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวเองเป็นเงิน 600,000 บาท โดยดีเอสไอได้นัดให้ปากคำเพิ่มเติมในวันที่ 28 มี.ค. นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเตรียมนำหลักฐานใดไปต่อสู้คดีบ้าง นายอดิศร กล่าวว่า ตนจะยื่นขอความเป็นธรรมจากอัยการและศาลว่าออกหมายจับโดยมิชอบ เพราะไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ตอนที่ถูกออกหมายจับตนไม่มีโอกาสได้พูดหรือแม้กระทั่งไอ จึงขอใช้สิทธิพิจารณาตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และขอความเป็นธรรม ตนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงพอจะทราบหลักกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งต้องฟังพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ต้องหาด้วย แต่ที่พูดไม่ใช่การท้ารบ
“แม้ผมจะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่ไม่ได้เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้ เพราะไม่มีใครอยากอยู่ในคุกฟรีตั้ง 9 เดือน จากการสอบถามเพื่อนฝูงที่ถูกคุมขัง เขาก็บอกว่าพี่อย่ามาเลย มันลำบาก และต้องขอบคุณสำหรับเวลา 9 เดือน ที่ทำให้มีเวลาแต่งเพลง โดยอัลบั้มใหม่จะออกเร็วนี้ ตั้งชื่อชุด "เสียดาย" มีเพลงหนึ่งชื่อฮิโระ มูราโมโตะ เป็นชื่อของนักข่าวญี่ปุ่น ยังหาคนร้องไม่ได้เลย ผมคงต้องร้องเองและอาจจะแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย ก่อนหน้านี้แต่งไว้ 14 เพลง ชื่ออัลบั้มดอกไม้แดงเข้มแข็งไว้ ” นายอดิศรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนตาย 91 ศพ มีทั้งทหาร ตำรวจ และประชาชน ทำไมเลือกแต่งเพลงถึงนักข่าวญี่ปุ่นคนเดียว นายอดิศร กล่าวว่า "นักข่าวคนอื่นผมไม่รู้จัก รู้จักคนนี้คนเดียว และชื่อของเขามีคำลงท้ายว่าโตะๆโมะ ๆมันง่ายดี"
เมื่อถามว่า 9 เดือนที่ผ่านมาหลบหนีไปที่ไหนบ้าง นายอดิศร กล่าวว่า อยู่ในกรุงเทพและทางอีสาน ในกรุงเทพ 10 ปีก็หากันไม่เจอ ตนไม่ได้หนีออกไปต่างประเทศ ที่มีข่าวว่าหลบไปยู่เวียดนาม จริงๆอยากไปแต่ไม่ได้ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ติดต่อกับแกนนำคนอื่นที่ยังหลบหนีหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ไม่ได้ติดต่อกัน ส่วนแกนนำที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้น ได้ติดตามข่าวสารมาตลอด ถามว่าในคุกต้มยำให้กินหรือเปล่า สำหรับตนไม่เข้ามอบตัวเพราะคงไม่ดีที่จะต้องเข้ามาติดคุก คุกน่าจะมีไว้ขังอาชญากรไม่ใช่นักโทษการเมือง นอกจากนี้ นายอดิศร ยังได้ อยากฝากไปถึงแกนนำที่ยังหลบหนีอยู่ ว่า ทุกคนควรเข้ามามอบตัวได้แล้ว อย่าหลงว่าตัวเองจะอยู่ได้นาน อยู่นานแล้วจะเป็นเหมือนตนคือผอม ตอนนี้บ้านเมืองดีขึ้นแล้ว ขอให้ถอยคนละก้าว ไม่ใช่ถอยเพราะกลัว แต่ถอยเพื่อให้จับมือกัน โดยตนเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะ ปรองดองกันได้ การเมืองเป็นเรื่องความคิดและความเชื่อ จากเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 มีการหนีเข้าป่า แต่ก็ออกมาแล้วก็ยังคุยกันได้ ประเทศไทยมีลักษณะพิเศษไม่ว่าจะต่อสู้กันอย่างไรก็ยังจับมือคุยกันเหมือนเดิม เรื่องความสัมพันธ์และการปรองดองมันเป็นแนวทางที่ต้องทอดยาว ต้องฟื้นฟู
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปรองดองกันอย่างไรเพราะนายกรัฐมนตรียังเจอตีนตบไล่อยู่ตลอดเวลา นายอดิศร กล่าวว่า ยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เจอเยอะกว่านี้ แต่ก็รู้สึกเห็นใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นธรรมดา การเป็นนายกฯก็ต้องโดนบ้างเล็กน้อย เป็นนายกฯมันต้องอย่างนี้แหละ สำหรับตน ยังถูกตัดสิทธิทางการเมืองจนถึงเดือนพ.ค. 2555 คุณอภิสิทธิ์ไม่ต้องกลัว ตอนนี้แม้จะสมัครผู้ใหญ่บ้านยังทำไม่ได้เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นี้หรือไม่ นายอดิศร กล่าวติดตลกว่า ตนจะไปวันที่ 13 มี.ค. ตอนนี้ขออยู่เงียบ ๆ สักพักก่อน อยากให้บ้านเมืองเดินไปสู่ทางปรองดองแก้ไขปัญหาใด สิ่งใดที่หนักก็ทำให้มันไม่หนัก และขอยืนยันอีกครั้งว่ามาที่นี่ตอนแรก ก็หวั่นว่าจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อมาแล้วก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีสมเกียรติ อธิบดีดีเอสไอก็มาไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลับไปจัดรายการวิทยุหรือเคเบิ้ลท้องถิ่นอีกหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ตนอยากจะจัดรายการที่ช่อง 11 อยากขอเวลานายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สัก 30 นาที จะเป็นสัปดาห์ละ 30 นาที หรือเดือนละ 30 นาทีก็ได้ ถ้าได้เวลาจะเน้นหนักไปทางรายการเกี่ยวกับวัฒนธรรม
ดีเอสไอให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์6แสน
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้พ.ต.ท ถวัล มั่งคั่ง หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เป็นผู้รับมอบตัวนายอดิศร เพียงเกษ ซึ่งได้มีการแจ้งสิทธิ์ แจ้งข้อหา และสอบปากคำ เบื้องต้นนายอดิศรให้การปฏิเสธ แต่แจ้งว่าจะมาให้การเพิ่มเติมต่อไป สำหรับการขอประกันตัวพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ทั้งศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ประกันตัวแกนนำคนอื่น ๆ แล้ว
ดังนั้น ในชั้นนี้ดีเอสไอ จึงอนุญาตให้ประกันตัวโดยพิจารณาหลักทรัพย์เช่นเดียวกับศาลในวงเงินประกัน 600,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวเช่นเดียวกับศาล และข้อห้ามเช่นเดียวกับศาล คือ ห้ามมิให้จำเลยดังกล่าวกระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือ กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาญาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และเนื่องจากคดีนี้ดีเอสไอได้ส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษแล้วจึงนัดส่งตัวนายอดิศร ให้อัยการในวันที่ 29 มี.ค.นี้
"อดิศร"มอบตัว"คดีหมิ่นฯ"ชวน"ด้วย
ต่อมาเวลา 11.30 น.นายอดิศร ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯตามที่ทนายความได้เข้าแจ้งความก่อนหน้านี้ที่ สน.ชนะสงคราม เข้าให้ปากคำต่อคณะพนักงานสอบสวนนครบาลตามหมายเรียก โดยมี พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน ร่วมกันสอบปากคำโดยนายอดิศร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ต่อมา ได้ยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนบาทขอประกันตัวไป ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามอบตัวด้วยตนเองไม่คิดหลบหนีไปไหนจึงอนุญาตให้ประกันตัวได้ แต่มีเงื่อนไขคือห้ามยั่วยุปลุกปั่นการชุมนุม ขณะที่นายอดิศร กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า หลังจากมีการแจ้งความดำเนินคดีก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนอยู่ใน กทม.และไปนั่นไปนี่ตามปกติ และจะไม่ร่วมการชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 12 มี.ค.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่จะไปในวันที่ 13 มี.ค.ใครจะว่าอะไรผมไหม เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะขึ้นรถเดินทางกลับไป
อดิศรบอกแกนนำนปช.เข้ามอบตัวสู้คดี
นายอดิศร กล่าวอีกว่า ช่วงที่มีคดีก่อการร้ายติดตัวนั้นไม่ได้หลบหนีไปไหน ก็อยู่ในกรุงเทพฯ จะบอกให้ว่า หลบในเมือง 10 ปี ก็ยังหาตัวไม่เจอเลย แต่เหตุที่ไม่เข้ามามอบตัวตั้งแต่แรก เพราะไม่อยากติดคุกเหมือนแกนนำคนอื่นๆ อีกทั้งยังต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข และเห็นด้วยกับแนวทางปรองดอง จึงอยากฝากบอกพรรคพวกที่หลบหนีอยู่ให้มามอบตัวเสีย
“ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองกำลังเดินทางไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็อยากจะให้แกนนำคนอื่นๆที่ยังหลบหนีอยู่ให้มามอบตัว ซึ่งหลังจากนี้ผมก็จะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่จะเปลี่ยนไปเป็นศิลปินแต่งเพลงแทน ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ตนก็จะไม่ไปเข้าร่วม หากกลุ่มคนเสื้อแดงมาวันที่ 12 มี.ค. ตนก็จะไปวันที่ 13 มี.ค. คงไม่มีใครว่าอะไร” นายอดิศร กล่าว
หัวหน้าการ์ดนปช.นัดเข้ามอบตัวต่อดีเอสไอ11มี.ค.
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับการประสานจากนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ดนปช. ซึ่งทำหน้าที่ดูแลการ์ดนปช.และเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ซึ่งจะเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.00 น. และมีแนวโน้มที่แกนนำคนเสื้อแดงจะทยอยเดินทางเข้ามอบตัวเร็วๆนี้ เนื่องจากมีความชัดเจนว่า ดีเอสไอจะให้ประกันตัวกับผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวต่อสู้คดี
สำหรับผู้ต้องหาในคดีก่อการร้ายที่ยังหลบหนีหมายจับ ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นายอารี ไกรนรา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนผู้ต้องหาในคดีร่วมกันบุกรุกรัฐสภา ขู่บังคับรัฐบาล ปราศรัยปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งยังไม่เข้ามอบตัว ประกอบด้วย นายธนกฤต ชะเอมน้อม หรือนายวันชนะ เกิดดี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายพายัพ ปั้นเกตุ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายวิสา คัญทัพ นางไพจิตร อักษรณรงค์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นางกัญญภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม
สุเทพชี้บิดเบือนคลิปเสียงกล่าวหาเสื้อแดงวิ่งใส่กระสุนปืน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการฟอร์เวิร์ดเมลที่ระบุคำพูดของตนเองที่พูดระหว่างการสัมนาของยุวประชาธิปัตย์ ถึงการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงในการชุมนุมที่ผ่านมาว่าทหารไม่ได้ยิง แต่ผู้ชุมนุมวิ่งเข้ามาหาลูกกระสุนเอง ว่า ตนไม่เคยไปพูดที่ไหน ทุกวันตนจะพูดกับสื่อที่ทำเนียบที่เดียวเท่านั้น และวันละครั้งเท่านั้น ตนไม่เที่ยวพูดพร่ำเพรื่อ ตนเข้าใจว่าคนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้คงจะพยายามบิดเบือน สิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบวันใด วันหนึ่ง เกี่ยวกับ 91 ศพของคนเสื้อแดง ซึ่งตนได้ชี้แจงไปว่าทหารไม่ได้ทำไม่ได้เข้าไปสลายหรือถือปืนไล่ฆ่าประชาชน แต่ส่วนหนึ่งที่มีประชาชนเสียชีวิตเพราะมีการตั้งป้อม ตั้งด่านของเจ้าหน้าที่แต่มีการเข้ามาโจมตี ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องป้องกันด่านหรือป้อมไว้
“คำพูดของผม ผมจำได้ว่าเป็นลักษณะเช่นนี้ แต่อาจจะมีการนำไปใส่คำใหม่ เช่นวิ่งเข้ามาหาลูกปืนอย่างนี้ คนบ้าอย่างผมจะพูดอย่างนั้นได้เหรอ มันไม่มีทาง แต่ผมเข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหมดนี้มาจากทนายอัมสเตอร์ดัมส์ ที่รับจ้างทำงานให้เขาอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็พูดจาให้ร้ายประเทศไทย ให้ร้ายรัฐบาลไทยมาหลายครั้งแล้วซึ่งทนายคนนี้เราก็ไม่ให้เข้าประเทศอยู่แล้ว”นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่อ้างเรื่องนี้คือนายสุทธิชัย หยุ่น ที่ไปโพสต์ในทวิตเตอร์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี ตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ในเรื่องอย่างนี้เลย ตนมีสติอยู่ตลอดเวลาในการพูดจา ยืนยันเลยว่าสิ่งที่พูดจะเป็นเรื่องจริงเท่านั้น และจะพูดเฉพาะในสิ่งที่จำเป็นไม่ได้พูดเอามัน หรือพูดเพื่อเอาภาพ หรือไปโต้แย้งกับใคร ตนไม่ต้องการเอาเรื่องนี้มาบิดเบือน ขอยืนยันว่าประชาชนส่วนหนึ่งที่มาร่วมชุมนุมไม่รู้หรอกว่าแกนนำคิดวางแผนอะไร คนที่จะรับผิดชอบจริง ๆ คือแกนนำบรรดาผู้วางแผนทั้งหลาย พวกที่ประชุมในวอร์รูมอยู่ทุกวันที่ออกแผนมาแต่ละชุด พวกนี้ต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวหรือไม่ว่าฝ่ายค้านอาจนำเรื่องไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าฝ่ายค้านตั้งใจจะทำมากกว่านั้น การอภิปรายฯครั้งนี้ตนดักทางได้เลยว่า การบิดเบือน การใส่ร้าย การเอาความเท็จมาพูดต้องเกิดขึ้นอย่างมโหฬารในสภา ซึ่งตนก็จะเอาความจริงทุกอย่างไปแสดง เอาหลักฐานทั้งหลายไปแสดงให้เป็นผู้วินิจฉัย ตนจะตอบทุกประเด็น
“มีการนำคลิปแพร่กันในทางสื่ออิเลคทรอนิกส์ อ้างว่าเจ้าหน้าที่ไล่ยิงคนในเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำ แต่จะโยนความผิดมาให้เจ้าหน้าที่ ผมขอบอกเลยว่า ประชาชนเริ่มติดตามเรื่องนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะเขาเริ่มกระบวนการที่จะปูพื้นก่อนวันอภิปรายฯแล้ว ลักษณะอย่างนี้เข้าใจได้ และต้องการชักนำความรู้สึกของประชาชนไปทางนั้น โหมโรงไปจนกว่าจะถึงวันอภิปรายฯ ผมก็จะเอารูปภาพของจริงไปแสดงว่าในวันนั้น คนที่ลงสือเผาเซ็นทรัลเวิร์ล หน้าตาเป็นอย่างไร แต่งตัวอย่างไร เอาอะไรเข้าไปเผา และจะรายงานให้ประชาชนเห็นว่าทุกชั่วโมงทุกเวลาของเหตุการณ์ในวันที่ 19 พ.ค.ที่มีการเผาสถานที่ต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นตอนไหน อย่างไร ใครอยู่ตรงนั้น และทำอะไรอยู่ ซึ่งเขาไม่ได้เผาเฉพาะเซ็นทรัลเวิร์ล แต่เผาสถานที่อื่น ๆ ด้วย จะไปเผาทีวีช่อง 3 รวมถึงนสพ.บางกอกโพสต์ด้วย แต่บังเอิญผมส่งเจ้าหน้าที่ไประงับเหตุได้ทัน นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนที่ผมจะเอาไปแสดงให้เห็น” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีผลกระทบไปถึงกองทัพอากาศที่ผบ.ทอ.ออกมาพูดถึงชายชุดดำ ตนเห็นใจ ผบ.ทอ. ที่ถูกลากเข้ามาในเรื่องนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของคนกลุ่มนี้ก็คือต้องการดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือของกองทัพ เขาไม่พอใจที่กองทัพไม่เชื่อฟัง ไม่รับใช้เขา ถ้าเลี้ยงไว้ไม่ได้ ก็ต้องทำลายเสีย
ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปแล้วการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นการฟอกตัวเองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลใช่หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น “ใช้ภาษาอย่างนี้ ต้องไปอยู่กับอัมสเตอร์ดัมส์ ใช้คำว่าฟอกตัวเอง แต่ถ้าผมพูดไปก็จะยุ่ง” ตนคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้ เป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้รู้ ได้เห็นพร้อม ๆกัน
“วันนี้ผมเรียนได้เลยว่าเขาตั้งข้อหาว่านายกฯ เป็นฆาตกร ผมเป็นฆาตกร สั่งฆ่าประชาชน ผมว่าเอาง่าย ๆ ดูหน้าคนพูดที่กล่าวหา กับคนถูกกล่าวหาก็แล้วกันว่า หน้าตาใครมันจะคล้ายข้อกล่าวหามากกว่ากัน ส่วนข้อเท็จจริงก็ค่อย ๆ ดูกันไป”รองนายกฯ กล่าว
“อภิสิทธิ์”ซัดม็อบ"บรรณวิทย์"ทำปชช.เดือดร้อน
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน จะเดินทางไปที่บ้านพักในซอยสุขุมวิท 31 ในเวลา 13.30 น. ว่า จะไปทำไมครับ เวลาที่ไปตนก็อยู่ที่รัฐสภาบ้าง ทำเนียบรัฐบาลบ้าง และอยากบอกว่าไม่ได้ไปมีการปิดถนนอะไรเลย ส่วนทำไปเพื่อให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือไม่ ต้องไปถามเอง เพราะไม่ทราบ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกหรือไม่ว่าสิทธิ์ความเป็นมนุษย์กำลังถูกคุกคาม พร้อมๆ กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ได้มาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองถูกละเมิดสิทธิ์มาหลายครั้ง แต่ว่านั่นไม่สำคัญเท่ากับประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอยซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องถูกละเมิดสิทธิ์ วิธีการที่พยายามไปสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนที่อยู่ในซอยเพื่ออะไร ตรงนี้อยากย้ำว่าจริงๆ แล้วการชุมนุมที่เกิดขึ้นบริเวณรอบทำเนียบนั้นเป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชนที่สัญจรไปมา เราพยายามที่จะแก้ไขปัญหาด้วยความอลุ่มอะล่วย และหาความพอดีเพื่อที่จะให้ชุมนุมได้ แต่ทำไมจะต้องมาสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง
เมื่อถามว่า คิดว่าเส้นแบ่งในการที่จะตรงสอบนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะกับการเคารพสิทธิของความเป็นพลเมือง เรื่องนี้ควรจะอยู่ตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เอาตนเองเป็นตัวตั้ง แต่คิดว่าภาคประชาชนที่อยากจะเคลื่อนไหว และอยากจะตรวจสอบคงต้องคำนึงถึงขอบเขต กฎหมายก็เรื่องหนึ่งแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งคือในที่สุดเรื่องความพอเหมาะพอดีความรับผิดชอบอยู่ตรงไหน ถ้าตนทำอะไรซึ่งผิดกฎหมายก็ดำเนินการตามกฎหมาย ถ้าตนทำอะไรซึ่งเขาไม่เห็นด้วยในเชิงนโยบาย ก็ต้องมีการแสดงออกกันด้วยวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่ด้วยวิธีการของการข่มขู่หรือคุกคาม หรือวิธีการซึ่งไม่อยู่ในครรลองของประชาธิปไตย ทั้งนี้ สิ่งเหล่านี้เราต้องช่วยกัน ถ้าอยากให้บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า เดินหน้าไปได้ อยากให้เกิดความถูกต้อง คนที่เรียกร้องก็ต้องอยู่ในความถูกต้องเสียก่อน