
ฝัน"บังยี"สะดุด กกท.ติดเบรก ข้อบังคับผิดพ.ร.บ.กีฬา สงสัยลงมติเมื่อไหร่?
เลือกตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยวุ่น "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการ กกท.นำลูกทีมติดเบรก "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกลูกหนังที่จะแก้ข้อบังคับวาระเลือกตั้งกรรมการบริหาร ยืนยันแนวฟีฟ่าทำได้ แต่ต้องไม่ขัดพ.ร.บ.กีฬาของชาติ พร้อมตั้งข้อสงสัยมีการเสนอขอม
สืบเนื่องจากกรณี "บังยี" วรวีร์ มะกูดี รักษาการนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เตรียมยกเครื่องข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยอ้างสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ที่ต้องการให้การเลือกตั้งผู้บริหารของสมาคมชาติสมาชิกเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตามที่ "คม ชัด ลึก" ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด “บิ๊กหนุ่ม” นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตามหลักการที่ฟีฟ่าต้องการให้ชาติสมาชิกทั่วโลกปรับข้อบังคับและแก้ไขธรรมนูญในการเลือกตั้งกรรมการบริหารสมาคมฟุตบอล หากกล่าวโดยหลักการแล้วไม่มีปัญหาอะไรที่จะมีการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขข้อบังคับ แต่ทั้งนี้ต้องให้สอดคล้องตามกฎหมายขององค์กรที่ดูแลกีฬาของชาตินั้นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย ทุกสมาคมกีฬาที่ได้รับการรับรองจาก กกท. จะต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย นั่นคือ เมื่อมีความต้องการแก้ไขข้อบังคับลักษณะปกครองสมาคม จำเป็นต้องเชิญสโมสรสมาชิกเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือจะจัดให้มีการประชุมใหญ่วาระพิเศษ (วิสามัญ) เพื่อขอมติในการแก้ไข จากนั้นเมื่อได้ฉบับร่างเรียบร้อยต้องนำกลับเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อขอมติรับรอง จากนั้นจึงจะเดินทางไปจดทะเบียนกับกรมการปกครอง ที่หมายถึงสำนักงานเขตที่สมาคมนั้นๆ ตั้งอยู่ พร้อมกับแจ้งให้บอร์ดของ กกท.รับทราบ
เรื่องนี้ "บิ๊กหนุ่ม" กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นในกรณีนี้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยังไม่เคยจัดประชุมใหญ่ และไม่เคยแจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องการดำเนินการแก้ไขข้อบังคับลักษณะปกครอง เกี่ยวกับวาระการเลือกตั้งนายกสมาคม และกรรมการบริหาร รวมถึงสิทธิในการออกเสียงของสมาชิก จึงอาจส่อเสี่ยงเป็นการกระทำผิด ซึ่งเรื่องนี้ กกท.กำลังเข้าไปตรวจสอบเอกสารต่างๆ ในขณะนี้
ด้านนายณัฐวุฒิ เรืองเวส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กล่าวว่า กกท. รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจัดการประชุมใหญ่กันไปเมื่อไหร่ เพราะคณะกรรมการบริหารและตัวนายกสมาคมได้หมดวาระการทำหน้าที่ไปตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา และตอนนี้ทำหน้าที่รักษาการเท่านั้น รวมทั้งในการประชุมดังกล่าวมีการระบุหรือไม่ว่า จะมีการแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้บริหาร ซึ่ง กกท.มีการขอเอกสารต่างๆ ไปแล้ว แต่สมาคมฟุตบอลยังไม่ได้ส่งมา
"นอกจากนี้เรื่องที่บอกว่าสมาคมฟุตบอลมีการจัดประชุมใหญ่ และมอบอำนาจให้ไปดำเนินงานแก้ไขข้อบังคับตามกฎของฟีฟ่านั้น เรื่องนี้ยิ่งน่าสงสัยใหญ่ เพราะฟีฟ่าเพิ่งจะประกาศออกมาว่า จะให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกมีการแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นที่ประชุมใหญ่ของสมาคมฟุตบอลจะมาระบุลอยๆ ว่า มอบอำนาจให้ไปแก้ไขข้อบังคับ คงจะไม่ถูกต้อง เนื่องจากตามกฎแล้ว หากจะมีการแก้ไขข้อบังคับต้องระบุให้ชัดเจนว่า แก้ไขเรื่องอะไร เช่น จะแก้ไขเรื่องการเลือกตั้ง ต้องบอกว่า มีคณะกรรมการบริหารกี่คน, สมาชิกจะมาจากไหน ถ้าบอกกันลอยๆ ไม่ลงรายละเอียด กรมการปกครองไม่มีทางที่จะรับรองแน่"
“ฟีฟ่าเพิ่งจะออกกฎมาใหม่ และการออกข้อบังคับใหม่นี้ คงจะทำกันอย่างกว้างๆ เพื่อให้ทั่วโลกได้ใช้เหมือนกัน แต่นี่ผู้บริหารของไทยกลับให้ข่าวว่า การเลือกตั้งใหม่จะต้องมีคณะกรรมการบริหาร 19 คน และต้องมีผู้หญิงด้วย รวมทั้งยังกำหนดว่าสมาชิกจะต้องมาจาก 3 ลีก คือ สโมสรไทยพรีเมียร์ลีก 18 ทีม, ดิวิชั่น 1 จำนวน 18 ทีม, ตัวแทนจากดิวิชั่น 2 จำนวน 10 ทีม, กลุ่มจาก ถ้วย ข, ค, ง, ตัวแทนผู้ตัดสิน, ตัวแทนผู้ฝึกสอน, ตัวแทนฟุตบอลหญิง, ตัวแทนฟุตซอล-บีชซอคเกอร์, ตัวแทนแฟนบอล นอกจากนี้ถ้าการประชุมใหญ่ของสมาคมฟุตบอลเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่ได้ระบุไว้ละเอียดอย่างนี้ คงจะไม่มีการจดทะเบียนรับรอง และใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้แน่นอน ซึ่งหากสมาคมจะใช้ข้อบังคับใหม่ตามแนวฟีฟ่า ต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง สำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า กกท. มีหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนกีฬาแห่งสมาชิก หากมีการจำกัดหรือไปลิดรอนสิทธิของสมาคม ย่อมถือว่าผิดกฎหมาย ทั้งนี้ต้องรอดูเอกสารของฟีฟ่าด้วยว่าแนวทางเป็นอย่างไร