ข่าว

"กลิ่น" แห่งความสุขของ "ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากษ์

"กลิ่น" แห่งความสุขของ "ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากษ์

11 เม.ย. 2552

เรื่องราวของคนคนหนึ่งไม่ใช่เพียงเรียนจบได้ทำงานและมีโอกาสเติบโตในหน้าที่นั่นจะเป็นสูตรสำเร็จของชีวิต แต่ความจริงแล้วระหว่างทางที่เดินไป เพื่อเข้าสู่เป้าหมายของชีวิต ทางที่เดินไปของแต่ละคนก็แตกต่างกัน

 บางคนอาจจะเป็นเส้นทางที่เรียบกริบปูคอนกรีตอย่างแน่นหนา บางคนอาจจะเป็นเส้นทางลาดยางมะตอยหรือบางคนอาจเป็นเส้นทางลูกรัง และไม่ว่าแต่ละเส้นทางจะเพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างไหร่ทุกทางก็ต้องมีทางโค้ง ทางหักศอก หรือทางที่เป็นหลุมที่พร้อมจะให้เราตกลงไปได้ตลอดเวลา

 เฉกเช่นเดียวกับชายหนุ่มวัย 33 ปี "ปุ๋ย" วรวิทย์ ศิริพากษ์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์ปัญญ์ปุริ (Panpuri) ผลิตภัณฑ์สปาและผลิตภัณฑ์อโรมาเทอราปีที่ต้องผันชีวิตใหม่อีกครั้งทั้งๆ ที่เดินตามสูตรสำเร็จของชีวิตได้อย่างมั่นคง ด้วยเรียนจบอย่างที่ใจฝันและได้ทำงานอย่างที่ใจรัก

 "ผมเรียนเป็นคนเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคิดและเห็นว่าเมื่อเราเรียนได้ดีแล้ว พ่อแม่จะปล่อยเราเป็นอิสระในบางเรื่อง นั่นเองจึงเป็นที่มาหรือข้อแลกเปลี่ยนของตัวผมเองว่าถ้าอยากมีอิสระบางก็ต้องตั้งใจเรียนและต้องเรียนให้ได้ดี ผมเรียนได้เกรด 4 มาตลอดจนจบปริญญาตรีก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ที่ McGill University มอนทรีออล ประเทศแคนาดา  และผมก็ไปใช้ชีวิตการทำงานที่นิวยอร์ก ทำงานด้านคอนซัลติงธุรกิจให้แก่บริษัทระดับเวิลด์ไวด์ ออฟฟิศชั้น 63 อยู่ตรงข้ามกับตึกเวิลด์เทรด แล้วพอวันเกิดเหตุ 9-11 ก็ได้เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน นั่นเองจึงเป็นการเปลี่ยนความคิดของผมอย่างชัดเจนว่าชีวิตนี้ต้องหาความสุขให้เต็มที่และอยู่เพื่อวันนี้ไม่ใช่เพื่ออนาคต" หนุ่มหน้าใส กล่าวถึงสาเหตุที่พลิกผันของชีวิต

 จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจหันมาเรียนปริญญาโทด้าน Luxury Goods Management ที่ประเทศอิตาลี เพื่อเป็นพื้นฐานการทำงานที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง "ผมชอบเครื่องหอมมาตั้งแต่เด็ก เพราะเครื่องหอมหรือกลิ่นหอมจากทั้งแป้ง น้ำหอม เทียน และอีกนานาชนิดมันสามารถบอกเล่าเรื่องราว ณ ขนาดนั้นให้แก่ผมได้อย่างดี อย่างถ้าผมได้กลิ่นหอมของดอกมะลิ ผมจะนึกถึงคุณย่าของผมที่ใจดี คอยดูแลห่วงใยผม คิดถึงน้ำลอยดอกมะลิที่หอมชื่นใจที่คุณย่าจะเตรียมไว้ให้แก่ลูกๆ หลานๆ ทุกคน และความรู้สึกนั่นก็จะกลับมาทุกครั้งที่ผมได้กลิ่นดอกมะลิ" ปุ๋ย เล่าถึงความชอบ

 ผนวกกับความเป็นนักเดินทางที่เขาจะใช้เวลาในช่วงปิดเทอมเดินทางไปเที่ยวประเทศโน่นประเทศนี่ตั้งแต่ตัวกระเปี๊ยก และก็แน่นอนเมื่อไปถึงก็ต้องมีของฝากมาให้แก่พ่อแม่ แล้วของฝากเหล่านั่นก็เป็นน้ำหอมหลากหลายกลิ่นที่เจ้าตัวต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนทุกครั้ง หลายครั้งเข้าก็กลายเป็นความชินและก็มาสู่ความชอบที่จะต้องเสาะแสวงหากลิ่นของสถานที่นั่นๆ กลับมาฝากคนในครอบครัวและแน่นอนตัวเขาเอง

 "กลิ่นหอมเหล่านี่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ผมก็จะเลือกเฉพาะกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง หรือมีแพ็กเกจที่ไม่เหมือนใคร นั่นแหละคือกลิ่นที่ผมจะซื้อ และทุกชิ้นทุกกลิ่นที่ซื้อมามันคือชิ้นโปรดที่บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ณ เวลานั่นๆ ให้แก่ผมได้อย่างดี แต่ไม่ใช่ผมไม่ใช่นะบางขวดใช่เกลี้ยงแล้วก็ไม่เสียดาย เพราะผมคิดว่าเมื่อมองในมุมกลับถ้าผมเป็นเทียนหอมสักแท่ง แล้วคนไม่ยอมจุดเก็บไว้มองอยู่นั่นก็คงไม่มีคุณค่าในตัวเอง แต่เมื่อเทียนได้มีโอกาสจุดได้ใช้ตามคุณสมบัติที่ควรจะเป็นก็เกิดความสุขรวมกันแล้ว

 "ความสุขของผมตอบได้เลยว่ามาจากกลิ่นหอมเหล่านี้ ความสุขของผมหาได้ง่ายๆ อย่างตอนนี้ผมได้มีโอกาสทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความหอมนั่นคือควมสุขของผมและเป็นความสุขที่ได้ 2 เด้ง เพราะได้ทั้งงานและได้ทั้งส่วนตัว ดังนั้นเมื่อมีคนมาถามว่าผมแบ่งเวลางานและส่วนตัวอย่างไร ผมจะยิ้มก่อนและตอบว่าทั้ง 2 อย่างนั่นอยู่ในเวลาเดียวกันและผสมปนเปกันได้อย่างลงตัว" เจ้าของความสุขจากกลิ่น ตอบพร้อมรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า

 ซึ่งความหอมจากนานากลิ่นที่มาจากเกือบทั่วโลกนี้ เจ้าตัวบอกว่าเขาไม่ได้หวงนะที่เพื่อนๆ จะมาใช้และมาแชร์ความหอมร่วมกัน แต่ก็ไม่ค่อยเห็นว่าเพื่อนจะมาใช่กันนัก เพราะคงรู้ว่าเป็นของที่ชอบของเขานั่นเอง และบางชิ้นก็เป็นของที่เพื่อนๆ ซื้อมาฝากซึ่งก็ไม่บ่อยมากนัก เพราะไม่ว่าจะคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทจะรู้ว่ากลิ่นที่เขาชอบนั่นต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะกลิ่นหอมทั้งหมดที่เขาสะสมอยู่นั่นจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

 "กลิ่นหอมเหล่านี้ผมไม่หวงนะครับ แต่ทุกกลิ่นมีที่มาและทีไป เหมือนชีวิตผมที่มีที่ไปทุกวันนี้ผมจึงมีความสุขที่ได้อยู่กับกลิ่นหอมเหล่านี้ไปพร้อมกับการรังสรรค์กลิ่นหอมใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ได้มีความสุขกับกลิ่นเหล่านั่นเฉกเช่นเดียวกับผม"

เรื่อง / กรรณิกา ใจจำนงค์
ภาพ / นันทพล ทิพย์เวทีอทร