ให้ชาวลิเบียกำหนดอนาคตเอง | คมชัดลึก

 ล่าสุดยังได้ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดถล่มพื้นที่ทางภาคตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำคัญของประเทศ หมายจะยึดคืนจากฝ่ายต่อต้าน

 พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟีได้เตือนว่าการประท้วงในประเทศอาจจะบานปลายกลายเป็นการนองเลือดครั้งใหญ่ ประชาชนอีกนับพันนับหมื่นคนอาจจะถูกสังหาร  ถ้าหากสหรัฐอเมริกาและองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เคลื่อนกำลังทางเรือและอากาศเข้าใกล้ลิเบียเพื่อกดดันตัวเองให้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีตำแหน่งทางการใดๆ ทั้งสิ้น

 พร้อมๆ ไปกับการพูดปลุกระดมมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ภักดีต่อตัวเองให้ลุกขึ้นตอบโต้ฝ่ายต่อต้าน นอกเหนือจากไฟเขียวให้ใช้ทหารรับจ้างจากหลายประเทศในแอฟริกาเป็นกำลังหลักในการปราบปราม พันเอกกัดดาฟียังได้เรียกร้องให้สหประชาชาติและประชาคมโลกตั้งคณะกรรมการสอบสวนการเสียชีวิตของประชาชนซึ่งสื่อตะวันตกระบุว่าเป็นฝีมือกองกำลังสนับสนุนรัฐบาล ราวกับต้องการฟอกตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

 ท่าทีแข็งกร้าวประเภท "ยอมหักไม่ยอมงอ" ของพันเอกกัดดาฟีมีขึ้นขณะที่ภาคีสมาชิกสมัชชาสหประชาชาติ 192 ประเทศได้ลงมติเอกฉันท์ ให้ระงับสมาชิกภาพของลิเบียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการลงโทษด้วยมาตรการนี้ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 อีกทั้งยังเห็นด้วยที่จะอายัดทรัพย์ของพันเอกกัดดาฟีและครอบครัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง

 แต่กลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตกรวมทั้งกลุ่มประเทศอาหรับกลับมีความเห็นแตกเป็นสองเสี่ยงเกี่ยวกับการเข้าไปแทรกแซงด้วยกำลังทหาร โดยฝรั่งเศสประกาศจุดยืนแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมรับการใช้ปฏิบัติการทางทหารใดๆ หากปราศจากฉันทามติจากสหประชาชาติ เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศอาหรับ ซึ่งได้ลงมติระหว่างการประชุมร่วมกันที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ คัดค้านการเข้าแทรกแซงทางทหารในลิเบีย พร้อมกับย้ำว่าเคารพในบูรณภาพแห่งดินแดนและความมั่นคงของลิเบีย

 ไม่ว่าประเทศตะวันตกและกลุ่มอาหรับจะมีความเห็นแตกต่างหรือสอดคล้องกันเช่นใดก็ตาม เรายืนยันว่าประชาชนชาวลิเบียเท่านั้นที่จะต้องมีสิทธิกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ซึ่งคงไม่ใช่การเดินตามรอยอิรักและอัฟกานิสถานที่ถูกทหารอเมริกันใช้กำลังยึดครอง และจนถึงขณะนี้ก็ยังหาความสงบสุขและสันติภาพไม่ได้แม้แต่น้อย