"แกล้งตาย"ตบตา3ทรชนไทยบุกปล้นบ้าน"ฆ่า-ข่มขืน"เมียพม่า | คมชัดลึก

 สืบเนื่องจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 4 คน มีปืนแก๊ปยาว เป็นอาวุธ บุกเข้าปล้นบ้านพักคนงานกรีดยาง หมู่ 6 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยคนร้ายใช้ด้ามปืนทุบศีรษะ นายเอ๊า อายุ 22 ปี สัญชาติพม่า จนหมดสติล้มฟุบไป ก่อนจะฉุดกระชากลากตัว นางวิน อายุ 22 ปี ภรรยานายเอ๊า สัญชาติเดียวกัน ไปรุมโทรมบนเนินดินข้างบ้านใกล้หนองน้ำจนสำเร็จความใคร่ทั้ง 4 คน จากนั้นช่วยกันจับสาวแรงงานพม่ากดน้ำแล้วใช้ของแข็งทุบซ้ำจนกะโหลกเปิดเสียชีวิตอย่างสยดสยอง ขณะที่นายเอ๊าก็ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน หลังจากที่ถูกกดน้ำ พยายามดิ้นรนหนีเพื่อเอาชีวิตรอด กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงใส่บริเวณด้านหลังจนคนร้ายคิดว่าเสียชีวิต

 “พวกมันเคยเอาเงินผมไปกว่า 1 หมื่นบาทเมื่อหลายเดือนก่อน แต่พอดีเจ้าของสวนยางพารารู้จึงไปติดตามเอาเงินกลับมาคืนให้ ในวันเกิดเหตุผมและภรรยาพักอยู่ในขนำเล็กๆ พวกมันเข้ามาเคาะประตูหน้าบ้านถามหาน้ำดื่ม แล้วก็ถามหาใบจากเพื่อมวนยาเส้น ผมบอกว่าไม่มี สักพักบอกขอกาแฟ ผมก็บอกว่าไม่มี ตอนนั้นภรรยาผมกลัวมากเข้าไปหลบซ่อนใต้เตียง จนกระทั่งผมถูกตีแล้วพวกมันจับมัดมือมัดเท้าผม แต่ผมแกล้งสลบ พวกมันลากภรรยาผมไปทำมิดีมิร้าย ผมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ไม่สามารถช่วยเหลือภรรยาผมได้ จนกระทั่งผมเห็นภรรยาถูกฆ่าเพราะถูกกดน้ำ ส่วนผมพยายามวิ่งหนี ก็ถูกยิงเข้าด้านหลังจนต้องแกล้งตาย “นายเอ๊าเล่าถึงวินาทีชีวิตที่รอดพ้นความตาย

 หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม ผบก.ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.อ.นรินทร์ บุษยวิทย์ รอง ผบก. ภ.จว.ชุมพร, พ.ต.อ.วิมล พิทักษ์บูรพา ผกก.สภ.ท่าแซะ, พ.ต.ท.อารมณ์ น้ำใจสุข สว.สส. พร้อมชุดสืบสวน สอบปากคำนายเอ๊าที่รอดชีวิตเพียงแค่คนเดียว

 คดีนี้แม้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เนื่องจาก นายเอ๊า สามารถจดจำตำหนิรูปพรรณคนร้ายได้อย่างชัดเจน อีกทั้งชุดสืบสวนก็พอมีประวัติและรูปถ่ายของคนร้ายแก๊งนี้อยู่ในข้อมูลระบบการสืบสวน

 ประเด็นสำคัญชุดสืบสวนพยายามปล่อยข่าวลวงว่า คนงานพม่าที่เข้ามาประกอบอาชีพกรีดยางพาราอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถูกฆาตกรรม 2 คน แต่ไม่ทราบตัวคนร้าย เพื่อต้องการให้คนร้ายชะล่าใจ เพียงไม่นานนักชุดสืบสวนก็ออกติดตามและควบคุมตัว นายพรศักดิ์ ศรีชาติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 998 หมู่ 5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ที่กำลังนอนอยู่ในบ้านพักมาสอบสวนโดยใช้เวลาหลายชั่วโมง จนกระทั่งยอมเปิดปากรับสารภาพ แล้วให้การซัดทอดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คือ นายศักดิ์ชัย โพธิ์น้อย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 248 หมู่ 6 ต.หินแก้ว นายเม็ก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี  และ นายปิยะพงศ์ ศรีชาติ อายุ 20 ปี น้องชายของเขา

 "คืนเกิดเหตุนั่งล้อมวงกินเหล้าด้วยกันทั้ง 4 คน จนกระทั่งเหล้าหมดขวด จึงคิดจะหาเงินไปซื้อเหล้ามากินกันต่อ ผมจึงออกอุบายให้บุกปล้นบ้านของผู้เสียหายซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งในอดีตเคยไปรีดไถเงินมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยชวนกันไปทั้งหมด 4 คน ทำทีไปขอน้ำร้อนมาชงกาแฟกิน พอนายเอ๊าเผลอก็ใช้ด้ามปืนทุบจนหมดสติ นางวินพยายามเข้ามาช่วยจึงถูกทำร้าย และนางวินเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี พวกผมกินเหล้าเข้าไปมากทำให้มีอารมณ์ทางเพศ จึงช่วยกันจับนางวินไปรุมโทรมนอกบ้านก่อนจะฆ่าปิดปาก จากนั้นจึงย้อนกลับไปที่บ้านของผู้ตายและผู้เสียหาย รื้อค้นได้เงินสด 1.4 หมื่นบาท และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ก่อนแยกย้ายกันกลับไปบ้านของแต่ละคน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ นายพรศักดิ์ให้การ

 เบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุจริง ทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้อื่น โดยมีและใช้อาวุธปืน จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงในลักษณะรุมโทรมจนสำเร็จความใคร่ โดยมีและใช้อาวุธปืนที่ไม่มีใบอนุญาต และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แล้วควบคุมตัวนายพรศักดิ์และนายศักดิ์ชัยไว้ที่ สภ.ท่าแซะ ส่วนนายเม็กถูกแยกส่งดำเนินคดีที่สถานพินิจเด็กและเยาวชน ส่วนนายปิยะพงศ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี ชุดสืบสวนสืบสวนกำลังติดตามตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด