ร.ต.อ.เครียดจัดยิงตัวเองดับคาเบนซ์ | คมชัดลึก

(3มี.ค.) เวลา 09.00 น. ร.ต.ท.กานต์นิธิ แตงอ่ำ พนักงานสอบสวน ( สบ.1) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชิวิตภายในปั้มน้ำมันเชลล์ เลขที่ 200/1 ถ.แจ้งวัฒนะฝั่งขาออก แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.จึงงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์นวชัย รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ศิวโรจน์ สุขะนานนท์ ผกก สน.ทุ่งสองห้อง แพทย์ รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ( พฐ )และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

 ที่เกิดเหตุบริเวณหน้ามินิมาร์ชภายในปั้มน้ำมันดังกล่าว พบรถยนต์ ยี่ห้อเบ็นซ์ สีรบอร์นเทา รุ่น อี 220 ทะเบียน ธท- 5517 กทม. จอดติดเครื่องอยู่ ภายในรถบริเวณที่นั่งคนขับพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมา ร.ต.อ.ภูมิศักดิ์ ราโช ตำแหน่งหัวหน้าสายตรวจ กก.ดส.บช.น.สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่ขมับซ้ายทะลุขมับขวา คราบเลือดกระจายแห้งกรัง แต่งกายแบบครึ่งท่อน สวมเสื้อยืดสีดำทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำมือซ้ายกำอาวุธปืนขนาด 11 มม.วางอยู่บริเวณหน้าตักตัวเอง ตรวจสอบภายในรถพบหัวกระสุนปืน ทะลุไปตุงอยู่ที่ขอบประตูรถด้านหลังฝั่งขวา ส่วนบริเวณเบาะนั่งข้างคนขับพบเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการทำงานและยังพบกระดาษสีขาวแผ่นเล็กๆมีข้อความเขียนระบุว่า " ผมแค่เป็นโรคเครียด "

 จากการสอบถาม ด.ต.หญิง กรรัตน์ มณีนนท์ อายุ 38 ปี ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานด้วยกันกล่าวว่า ผู้ตายเป็นนายร้อยอบรมติดยศสัญญาบัตรเมื่อปี 2548 และเพิ่งได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจเอกเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2553 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 191 และเพิ่งย้ายมาปฎิบัติหน้าที่อยู่ กก.ดส.มาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว โดยทำหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและล่าสุดสมัครมาอยู่งานสายตรวจ ซึ่งเพิ่งจะมีการประชุมแบ่งงานกับนายตำรวจระดับสารวัตรเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยปกติเข้าที่ทำงานก็ไม่เคยจะบ่นว่าเครียดด้วยเรื่องอะไร มีอะไรก็จะเก็บไว้เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครรู้ว่าผู้ตายเครียดเรื่องส่วนตัวหหรือเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งพอมารู้ว่าฆ่าตัวตายจึงรู้สึกตกใจมาก เพราะเพิ่งร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับพวกลูกน้องเมื่อไม่นานมานี้เอง

 ด้านนายอำนาจ สุขสำราญ อายุ 39  ปี กล่าวว่าตนมีหน้าที่ดูแลปั้มน้ำมันโดยเมื่อคืนที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ  22.00 น.ปั้มน้ำมันและมินิมาร์ชปิดให้บริการตามปกติ แต่ผู้ตายได้ขับรถเข้ามาในปั้ม โดยขับวนเวียนอยู่หลายรอบ จึงมาจอดบริเวณที่เกิดเหตุจากนั้นผู้ตายยังลงมาเดินรอบรถอีกหลายรอบ ซึ่งตนสังเกตเห็นว่าเป็นตำรวจจึงไม่สนใจอะไร ก่อนจะกลับบ้านตามปกติ กระทั่งเมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมา เมื่อกลับมาทำงานสังเกตุเห็นว่ารถยังจอดติดเครื่องอยู่ที่เดิมรู้สึกผิดสังเกตุจึงเข้าไปมองผ่านกระจกรถและพบว่าบริเวณที่นั่งคนขับมีคราบเลือดติดเต็มไปหมดจึงโทรแจ้งเจ้าตำรวจใมาตรวจสอบ และทรายว่าผู้ตายเป็นตำรวจและยิงตัวตายในอยู่รถโดยไม่มีใครรู้ว่าก่อเหตุยิงตัวเองช่วงเวลาไหน

 ต่อมานายเกชา ราโช อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นบิดาของผู้ตายเดินทางมาดูศพลูกชายในที่เกิดเหตุด้วยใบหน้าเศร้าสลดและกล่าวว่า ตนเป็นข้าราชการบำนาญอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด และเพิ่งเดินทางมาเยี่ยมลูกชายเมือวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา และพักอยู่กับลูกชายที่แฟลตสวัสดิการตำรวจแจ้งวัฒนะ ซึ่งปกติลูกชายเป็นคนขยัน เรียนเก่งจนจบปริญญาโท และสมัครเข้าเป็นตำรวจเพิ่งได้ยศร้อยตำรวจเอกมาประมาณ 2 ปีกว่า และลูกชายก็มีอายุมากขึ้นเลข 3 แล้ว ทางพ่อแม่ก็หวังจะให้ลูกชายมีครอบครัว แต่ฝ่ายลูกชายยังไม่มีแฟนทางพ่อแม่เคยแนะนำผู้หญิงให้แต่ก็ไม่ได้บังคับเร่งรัดอะไรเพราะเข้าใจว่าลูกชายคงยังไม่พร้อม ซึ่งสาเหตุการฆ่าตัวตายไม่รู้ว่าลูกชายเครียดเรื่องอะไร เพราะไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง

 " ผมมาหาลูกชายตั่งแต่วันที่ 26 กุมภาฯที่ผ่านมา และวันที่ 27 ยังออกไปกินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อวานนี้ช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ผมโทรติดต่อกับลูกสอบถามว่าอยู่ที่ไหนลูกชายบอกว่าอยู่แจ้งวัฒนะผมยังถามย้ำอีกว่าแจ้งวัฒนะแถวไหนเขายังบอกว่าอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละ จากนั้่นก็วางสายเงียบไป แล้วติดต่อกันไม่ได้อีกเลย จนมาทราบว่าลูกมายิงตัวตายอยู่ที่ปั้มน้ำมัน แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมาสังงเกตุเห็นว่าลูกชายเริ่มมีอาการผิดปกติมีสีหน้าเคร่งเครียด และเงียบไม่พูดไม่จาผิดปกติพอถามก็ไม่เคยบอกว่าเป็นอะไร เพราะความเป็นห่วงจึงเดินทางมาเยี่ยมแต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ " นายเกชา กล่าวด้วยอาการเสียใจ

 ขณะที้่ พ.ต.อ.พ.ต.อ.ศิวโรจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าผู้ตายฆ่าตัวตายเองและทางญาติก็ไม่ติดใจเกี่ยวกับการฆาตกรรมอย่างใด ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากอาการเครียดแต่ไม่ทราบว่าเครียดเรื่องอะไร เพราะจากกการสอบถามญาติและเพื่อร่วมงานก็ไม่พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานอย่างใด ซึ่งทุกคนต่างบอกว่าผู้ตายเป็นคนดีตั้งใจทำงาน  สำหรับเรื่องครอบครัวก็มีเพียงเรื่องงที่พ่อแม่อยากให้มีครอบครัวแต่ก็ๆไม่ได้เร่งรัดอะไรมากมาย อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งญาติและเพื่อร่วมงานมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป